กกธูป
ชื่ออื่นๆ : กกธูป, กกช้าง, เฟือ, ปรือ, หญ้าสลาบหลวง
ต้นกำเนิด : ในทวีปอเมริกาและยุโรป
ชื่อสามัญ : ธูปฤาษี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Typha angustifolia L.
ชื่อวงศ์ : Typhaceae
ลักษณะของกกธูป
ไม้ล้มลุกสองปี เหง้ากลม แทงหน่อขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ใบเดี่ยวเรียงสลับระนาบเดียว รูปแถบ ยาวประมาณ 2 ม. แผ่นใบด้านบนโค้งเล็กน้อย ส่วนด้านล่างแบน ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ดอกมีจำนวนมาก ติดกันแน่น สีน้ำตาล ลักษณะคล้ายธูปดอกใหญ่ ก้านช่อดอกกลม แข็ง ดอกแยกเพศ แบ่งเป็นตอนเห็นได้ชัด กลุ่มดอกเพศผู้อยู่ปลายก้าน รูปทรงกระบอก กลุ่มดอกเพศเมียรูปทรงกระบอกเช่นกันแต่ใหญ่กว่ากลุ่มดอกเพศผู้ ดอกแก่จะแตกเห็นเป็นขนขาวฟู ผลเล็กมาก เมื่อแก่แตกตามยาว
การขยายพันธุ์ของกกธูป
ใช้เมล็ด/เมล็ดมีขนอ่อนนุ่มปลิวไปตามลมได้ง่าย
ธาตุอาหารหลักที่กกธูปต้องการ
ประโยชน์ของกกธูป
- ธูปฤาษีมีระบบรากที่ดี ช่วยป้องกันการพังทลายของดินชายน้ำ
- สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุคลุมผิวดินในไม้ยืนต้น สวนไม้ผลต่างๆ เพื่อลดการสูญเสียความชื้นออกจากผิวดิน หรือลดการชะล้างหน้าดินจากน้ำฝนได้
- ใบเหนียว นิยมใช้มุงหลังคา ใช้ทำเครื่องจักสาน มุงหลังคา และทำเชือก
- ยอดอ่อนกินได้ทั้งสด และทำให้สุก
สรรพคุณทางยาของกกธูป
ราก ใช้เป็นสมุนไพร ขับปัสสาวะ หรือสกัดเป็นแป้ง
คุณค่าทางโภชนาการของกกธูป
การแปรรูปของกกธูป
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10600&SystemType=BEDO
www.flickr.com