กล้วยเทพรส
ชื่ออื่นๆ : กล้วยทิพรส, กล้วยสิ้นปลี, กล้วยปลีหาย, กล้วยสังกิโว, กล้วยช้าง
ต้นกำเนิด : พบได้ทุกภาคของประเทศไทย
ชื่อสามัญ : Kluai Theppharot
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa (ABBB) ‘Theppharot’
ชื่อวงศ์ : MUSACEAE
ลักษณะของกล้วยเทพรส
ต้น ลำต้นเทียมสูงประมาณ 3.5-4.0 ม. เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 15 ซม. กาบลำต้น มีปื้นดำปานกลาง ตรงโคนมีสีชมพู ด้านในสีเขียวอ่อน
ใบ โคนก้านใบสีเขียวอมชมพู มีร่องแคบ ไม่มีครีบ ก้านใบสีเขียว ก้านช่อดอกสีเขียว ไม่มีขน
ดอก ใบประดับรูปร่างค่อนข้างป้อม ปลายมน ด้านบนสีแดงอมม่วง มีนวลมาก ด้านล่างสีซีด ใบประดับเรียงซ้อนกันลึก ช่อดอกมีแต่ดอกตัวเมียไม่มีดอกตัวผู้จึงไม่เห็นปลี เมื่อติดผล ปลีหลุดหายไป จึงเรียกว่า กล้วยปลีหาย
ผล เครือหนึ่งมี 5 – 7 หวี หวีหนึ่งมีประมาณ 11 ผล ผลใหญ่คล้ายกล้วยหักมุก กว้าง 6 – 7 เซนติเมตร ยาว 18 – 20 เซนติเมตร ก้านผลยาว ให้ผลผลิตตลอดปี
การขยายพันธุ์ของกล้วยเทพรส
การแยกหน่อ
พบได้ทุกภาคของประเทศไทย แต่ไม่นิยมปลูกมากนัก มียีโนม ABBB สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการผสมกันในธรรมชาติระหว่างกล้วยหักมุกและกล้วยตานี
การปลูกเลี้ยง ขุดหลุมขนาด 30x30x30 เซนติเมตร วางหน่อลงปลูกกลางหลุม กลบดินโดยรอบให้แน่น หลังปลูก 1 เดือนให้ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 จากนั้นให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 สลับกับปุ๋ยอินทรีย์ทุก 3 เดือน
ธาตุอาหารหลักที่กล้วยเทพรสต้องการ
ประโยชน์ของกล้วยเทพรส
- เนื้อของกล้วยในกลุ่มนี้จะมีแป้งมาก โดยเฉพาะผลดิบ ผลที่สุกบางชนิดรับประทานสดได้ แต่บางชนิดอาจจะฝาด จึงนิยมนำมาทำให้สุกด้วยความร้อนก่อน จะทำให้รสอร่อยขึ้น
- นิยมปลูกเป็นไม้บังลม
- ใบตองใช้ห่อของ
- กล้วยดิบนำมาทอดกรอบให้รสชาติอร่อย
- ผลสุกงอมจะมี รสหวาน
สรรพคุณทางยาของกล้วยเทพรส
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ *สรรพคุณของกล้วย*
คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยเทพรส
การแปรรูปของกล้วยเทพรส
นำไปแปรรูปเป็นเมนูกล้วยอบน้ำผึ้งทอด, ข้าวเม่าทอด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
www.pplant.royalparkrajapruek.org
www.scitech.kpru.ac.th
www.qsbg.org
2 Comments