กล้วยไข่ ผลไม้เครือ ผลไม้เขตร้อน นิยมรับประทานสด และแปรรูป
ชื่ออื่นๆ : ไข่กำแพงเพชร, กระ
ต้นกำเนิด : เอเชียใต้
ชื่อสามัญ : Pisang Mas
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa acuminata ‘Lady Finger’
ชื่อวงศ์ : Pisang Mas
ชื่อภาษาอังกฤษ : Golden Banana
ลักษณะของกล้วยไข่
ต้น ลำต้นสูง 2. 5 – 3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 – 20 เซนติเมตร กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวปนเหลือง มีประสีน้ำตาลอ่อน ด้านในสีชมพูอมแดง
ใบ ก้านใบสีเขียวอมเหลือง มีร่องกว้าง โคนก้านมีครีบสีชมพู
ดอก ก้านช่อดอก มีขนอ่อน ปลีรูปไข่ ม้วนงอขึ้น ปลายแหลม ด้านนอกสีแดงอมม่วง ด้านในที่โคนกลีบสีซีด
ผล เครือหนึ่งมี 6 – 7 หวี หวีหนึ่งมีประมาณ 14 ผล ผลค่อนข้างเล็ก ก้านผลสั้น เปลือกผลบางเมื่อสุก มีสีเหลืองสดใส บางครั้งมีจุดดำเล็ก ๆ ประปราย เนื้อสีครีม อมส้ม รสหวาน ออกผลในช่วงเดือนกรกฎาคม
การขยายพันธุ์ของกล้วยไข่
- กล้วยไข่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด
- กล้วยไข่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้หน่อ
- กล้วยไข่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue culture)
- การเตรียมดิน:
– วิเคราะห์ดิน เพื่อประเมินค่าความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารพืชในดิน และความเป็นกรดด่างของดิน ปรับสภาพดินตามคำแนะนำก่อนปลูก
– ไถพรวน ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อลดการระบาดของศัตรูพืช
– คราดเก็บเศษวัชพืชออกจากแปลงฤดูปลูก:
– ช่วงเวลาการปลูก ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนวิธีการปลูก:
– ปลูกด้วยหน่อใบแคบที่มีความสมบูรณ์ดี
– เตรียมหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร
– รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกอัตรา 5 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้ากับหน้าดินรองก้นหลุมปลูกถ้ามีการไว้หน่อ (ratoon) เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปอีก 1-2 รุ่น ควรรองก้นหลุมด้วย หินฟอสเฟต อัตรา 100-200 กรัม/หลุม
– ระยะปลูก (1.5-1.75) x2 เมตร เป็นการปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเพียงครั้งเดียว แล้วรื้อปลูกใหม่ 2×2 เมตรเป็นการปลูกสำหรับไว้ตอหรือหน่อ (ratoon) เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตของหน่อ (ratoon) อีก 1-2 รุ่น
– การปลูก วางหน่อพันธุ์ที่หลุมปลูกให้ลึก 25-30 เซนติเมตร โดยจัดวางหน่อพันธุ์ให้ด้านที่ติดกับต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน กลบดินลงหลุมปลูกและกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
ธาตุอาหารหลักที่กล้วยไข่ต้องการ
สภาพพื้นที่:
– พื้นที่ดอน หรือพื้นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขัง
– ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,200 เมตร
– มีแหล่งน้ำธรรมชาติ หรืออยู่ในเขตชลประทาน
– การคมนาคมสะดวก
ลักษณะดิน:
– ดินร่วน, ดินร่วนเหนียว หรือดินร่วนปนทราย
– มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำดี
– ระดับน้ำใต้ดินลึกมากกว่า 75 เซนติเมตร
– ค่าความเป็นกรดด่างของดินระหว่าง 5.0-7.0
สภาพภูมิอากาศ:
– อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ระหว่าง 25-35 องศาเซนเซียส
– ปริมาณน้ำฝนไม่น้อยกว่า 1,200 มิลลิเมตรต่อปี
– ไม่มีลมแรงพัดผ่านเป็นประจำ
– มีแสงแดดจัด
แหล่งน้ำ:
– มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูปลูก
– เป็นแหล่งน้ำสะอาด ค่าความเป็นกรดด่างของน้ำระหว่าง 5.0-9.0
ประโยชน์ของกล้วยไข่
- ผลใช้รับประทานสด และแปรรูป
- ผลดิบทำกล้วยฉาบ ทำแป้งกล้วยสำหรับทำขนมไทย
- ผลห่ามทำกล้วยบวชชี เชื่อม
- ผลสุกรับประทานเป็นผลไม้ เปลือกผลค่อนข้างบาง เนื้อผลสีเหลืองไพล เนื้อละเอียดนุ่ม รสหวาน กินกับกระยาสารท โดยเฉพาะเหมาะที่จะทำข้าวเม่าทอดมากที่สุด
สรรพคุณทางยาของกล้วยไข่
–
คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยไข่
- กล้วยไข่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อปริมาณ 100 กรัม
- กล้วยไข่ให้พลังงานถึง 140 กิโลแคลอรี่
- กล้วยไข่ให้น้ำ 62.8 กรัม
- กล้วยไข่ให้โปรตีน 1.5 กรัม
- กล้วยไข่ให้ไขมัน 0.2 กรัม
- กล้วยไข่ให้คาร์โบไฮเดรต 32.9 กรัม
- กล้วยไข่ให้กากอาหาร 0.4 กรัม
- กล้วยไข่ให้ใยอาหาร 1.9 กรัม
- กล้วยไข่ให้เถ้า 0.7 กรัม
- กล้วยไข่ให้แคลเซียม 4 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้ฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้เหล็ก 1.0 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้เบต้า-แคโรทีน (โปร-วิตะมินเอ) 792 ไมโรกรัม
- กล้วยไข่ให้ไทอะมีน (วิตะมินบี 1) 0.03 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้ไรโบฟลาวิน (วิตะมิน 2) 0.05 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้ไนอะซีน 1.4 มิลลิกรัม
- กล้วยไข่ให้วิตะมินซี 2 มิลลิกรัม
การแปรรูปของกล้วยไข่
- ผลดิบทำกล้วยฉาบ
- ผลดิลทำแป้งกล้วยสำหรับทำขนมไทย
- ผลห่ามทำกล้วยบวชชี เชื่อม
References : www.bedo.or.th
รูปภาพจาก : www.sc.mahidol.ac.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย : เกษตรตำบล.คอม
22 Comments