มะม่วง
ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-30 ม. ลำต้นตรง เรือนยอดกลม ทึบ ใบเรียงเวียนสลับ ใบเดี่ยว รูปรี กว้าง 3-10 ซม. ยาว 16-45 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 1.5-6 ซม. ดอกช่อสีนวล ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ยาว 18-30 ซม. กลีบดอกมี 5 กลีบ ยาว 3.5-4 มม. เกสรสีแดงเรื่อ ๆ ผลเดี่ยว ผลดิบมีสีเขียวเมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือเหลืองส้ม มีเมล็ดภายใน 1 เมล็ด
มะม่วงเป็นไม้ผลขนาดใหญ่ ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย ปลูกได้ในดินทั่วไป ยกเว้นดินเค็มและดินที่มีน้ำขัง ถ้าปลูกในดินร่วนซุยมีอินทรีย์วัตถุมาก และมีการระบายน้ำดีก็จะยิ่งให้ผลผลิตดี นอกจากนี้มะม่วงยังมีความต้านทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี จะเริ่มให้ผลหลังจากการปลูกด้วยกิ่งทาบประมาณ 3 ปี สามารถให้ผลผลิตมากกว่า 15 ปี และผลผลิตจะสูงขึ้นเฉลี่ยปีที่ 8 ประมาณ 50-100 กก./ต้น โดยเฉลี่ยอายุจากดอกบาน เก็บผลแก่อยู่ระหว่าง 90-115 วัน น้ำหนักผลมะม่วงเฉลี่ยอยู่ในระหว่าง 260 กรัม ฤดูกาล ผลผลิตอยู่ระหว่างปลายเดือนมีนาคม-มิถุนายน
ประเภทของมะม่วง
มะม่วงสามารถรับประทานได้ทั้งดิบและสุก มะม่วงดิบเปลือกสีเขียว เนื้อสีขาวส่วนใหญ่มีรสเปรี้ยว ยกเว้นบางพันธุ์ที่เรียกว่ามะม่วงมัน ส่วนผลสุกจะมีสีเหลืองทั้งเปลือกและเนื้อ รับประทานผลสด หรือนำไปทำเป็นอาหาร เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง อีกทั้งมีการนำไปแปรรูป เช่น มะม่วงอบแห้ง มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงเค็ม แยมมะม่วง และพายมะม่วง เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถแบ่งมะม่วงตามความนิยมในการับประทานได้ 3 ประเภท คือ
- ประเภททานผลดิบ
มีรสเปรี้ยว ได้แก่ มะม่วงเขียวเสวย แรด พิมเสนมัน ทองดำ เขียวไก่กา
มีรสมัน ได้แก่ ฟ้าลั่น หนองแซง - ประเภททานผลสุก
ได้แก่ พันธุ์อกร่อง นวลจันทร์ น้ำดอกไม้ เป็นต้น - ประเภทใช้แปรรูป
ได้แก่ พันธุ์มหาชนก แก้ว สามฤดู และพิมเสน เป็นต้น
การขยายพันธุ์มะม่วง
การ
การเลือกพื้นที่ปลูก
ในการขยายพันธุ์มะม่วงนั้น มะม่วงเป็นพืชที่ปลูกได้เกือบทุกสภาพพื้นที่ แต่การผลิตเชิงการค้าควรเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ฝนไม่ตกชุกเกินไป อุณหภูมิ 18-35 องศาเซลเซียส ดินมีการระบายน้ำดี มีแหล่งน้ำเพียงพอต่อการผลิตนอกฤดู และการคมนาคมสะดวก ซึ่งสามารถปลูกในสภาพลุ่มและพื้นที่ดอน โดยสภาพลุ่มจะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ดี มะม่วงสามารถเจริญเติบโตแต่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อน้ำขัง และการทำร่องสวนจะมีต้นทุน ส่วนพื้นที่ดอนควรมีการปรับสภาพพื้นที่ให้เรียบ มีการวางแผนผังแปลงเพื่อให้สามารถใช้เครื่องจักรกลการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการปลูกมะม่วง
ระบบปลูก ปัจจุบันนิยมปลูกระยะชิดและควบคุมทรงพุ่มให้เหมาะสม เช่น ระยะ 4 x 4 เมตร หรือ 4 x 6 เมตร เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานดูแลรักษา การจัดการทรงพุ่มและการตัดแต่งกิ่ง โดยเฉพาะการปลูกพันธุ์ที่ต้องมีการห่อผลด้วยแล้ว ควรควบคุมทรงพุ่มให้มีความสูงประมาณ 2.5-3 เมตร เพื่อให้ห่อได้ง่าย ผู้ห่อสามารถยืนห่อจากด้านล่างได้ไม่ต้องปีนต้น ทำให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็ว
การให้น้ำ
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตมะม่วงให้ได้คุณภาพ โดยยึดหลักการควบคุมน้ำที่ว่า “ระดับน้ำต้องไม่ท่วมขังเมื่อมีน้ำมากที่สุด และไม่ขาดน้ำ เมื่อมีน้ำน้อยที่สุด” มะม่วงแต่ละการเจริญเติบโต มีความต้องการน้ำไม่เท่ากัน ระยะแรกของการเจริญเติบโตมะม่วงจะใช้น้ำน้อยมาก และมีความต้องการน้ำมากในระยะการเจริญเติบโตทางกิ่งและใบ ช่วงมะม่วงติดผลอ่อน (ผลเท่าหัวไม้ขีด) และช่วงพัฒนาผลอ่อนจนถึงผลแก่ อย่างไรก็ตามเกษตรกรหรือเจ้าหน้าที่ต้องทราบความชื้นในดินเบื้องต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจในการคำนวณความต้องการน้ำของมะม่วง หากมะม่วงขาดน้ำ ส่งผลให้ผลร่วง ผลเจริญเติบโตได้ไม่ดี ผลมีขนาดเล็ก ขนาดผลที่ได้มาตรฐานส่งออกต่ำลง
การจัดการทรงพุ่มและตัดแต่งกิ่ง
การจัดการทรงพุ่มของไม้ผลส่วนใหญ่ จะทำตั้งแต่ต้นมีขนาดเล็กและควรจัดแบบพีรามิดดัดแปลงหรือแบบดัดแปลงยอดกลาง โดยเลือกกิ่งแขนงที่มีขนาด ลักษณะที่ดีและแข็งแรงไว้ 3-4 กิ่ง โดยตัดแต่งกิ่งที่บิดงอหรือเบียดกัน กิ่งน้ำค้าง กิ่งที่ทำมุมแคบ กิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลาย และกิ่งที่อยู่ในทรงพุ่มที่ไม่สามารถให้ผลผลิตได้ และเว้นระยะห่างระหว่างกิ่งแขนงไม่ชิดกันมาก ทำการตัดยอดกลางทิ้งและทิ้งกิ่งแขนงไว้ วิธีนี้ทำให้ขนาดต้นไม่สูงหรือเตี้ยเกินไป แต่มีทรงพุ่มที่แข็งแรงและให้ผลผลิตสูง ส่วนการตัดแต่งกิ่งทำหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อบำรุงให้มะม่วงมีการฟื้นต้นและเตรียมพร้อมที่จะให้ผลผลิตในฤดูกาลต่อไป ซึ่งควรตัดแต่งกิ่งให้มีแสงผ่านได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดแหล่งสะสมของศัตรูพืชและลดอาการคายน้ำ รักษาสมดุลของปริมาณความต้องการของน้ำในมะม่วง
การใส่ปุ๋ย
- การใส่ปุ๋ยหลังตัดแต่งกิ่ง เนื่องจากากรให้ผลผลิตมะม่วงได้ใช้สารอาหารสะสมที่มีอยู่ในลำต้น กิ่งก้านและใบ อย่างมากมายจนส่งผลให้ใบแก่มะม่วงซีดลงหรือบางส่วนร่าวงหล่น เมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจากต้นจะทำให้มะม่วงโทรมดังนั้น หลังจากตัดแต่งกิ่งเกษตรกรควรให้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 เพื่อเร่งให้มะม่วงเจริญเติบโตทางด้านลำต้น กิ่งก้านและใบ เพื่อให้สามารถสังเคราะห์แสงและสะสมอาหารได้อย่างเพียงพอและเพิ่มการแผ่ขยายของรากใหม่อย่างเต็มที่ สำหรับมะม่วงที่ผลิตให้ออกตามฤดูกาลในช่วงหลังตัดแต่งกิ่งและต้นฤดูควรให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนในสัดส่วนที่สูง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตทางลำต้นและใบเป็นกรณีพิเศษให้มะม่วงไม่ออกดอกทะวายหรือออกดอกแล้วก็ไม่ให้ผลผลิต ดังนั้นจึงควรใช้สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
- การให้ปุ๋ยก่อนออกดอก หรือปุ๋ยที่ใช้เตรียมให้มะม่วงออกดอกมี 2 ประเภท คือ
2.1) ปุ๋ยที่ให้ทางดิน เป็นปุ๋ยที่มีโปแตสเซียมสูง แต่มีไนโตรเจนและฟอสฟอรัสต่ำ เช่น 13-13-21 หรือ 14-14-21 และ 6-12-24 เป็นต้น โดยจะเริ่มทยอยให้ตั้งแต่เมื่อยอดช่วงสุดท้ายได้แตกใบปลายฤดูฝน (เริ่มจากเดือนตุลาคมเป็นต้นมา) ทั้งนี้ เพื่อให้ชะลอการแตกใบอ่อนหรือกดตาที่จะแตกยอดหรือใบอ่อนใหม่
2.2) ปุ๋ยที่ให้ทางใบ เป็นปุ๋ยที่มีฟอสเฟตสูง จะให้ปุ๋ยทางใบเมื่อเริ่มหมดฝนหรืออย่างน้อยประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนออกดอก หรือก่อนจะให้สารเคมีเร่งการออกดอก ปุ๋ยทางใบที่แนะนำให้ใช้คือ สูตร 0-45-24 หรือ 15-30-15 หรือสูตร 0-45-17 โดยพ่นให้ชุ่มทั้งแผ่นใบด้านบนและด้านล่าง - การให้ปุ๋ยระยะติดผล จะเริ่มให้ปุ๋ยเมื่อมะม่วงติดผลขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ จนถึง 12 สัปดาห์ จะเป็นช่วงที่ผลมะม่วงมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับต้นที่ผลดกนั้นหากมีอาหารไม่เพียงพอผลจะแคระแกรน จึงจำเป็นต้องให้ปุ๋ยในระยะนี้ ด้วยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 หรือสูตรใกล้เคียง และในช่วงก่อนจะเก็บเกี่ยวจะพ่นด้วยสูตร 13-0-46 เมื่อมะม่วงเริ่มเข้าไคลหรือเข้ากะลา (เปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็ง) ประมาณ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 สัปดาห์ จะช่วยให้คุณภาพของมะม่วงดีขึ้น
การแต่งผลและห่อผล
หลังจากดอกบาน 45-60 วัน ทำการตัดแต่งผลที่บิดเบี้ยว ผลที่ถูกโรคและแมงทำลายและผลมีตำหนิออก โดยตัดให้เหลือผลที่สมบูรณ์ไว้ช่อละ 1 ผล จากนั้นพ่อนหรือจุ่มผลในสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปล่อยให้ผลแห้งแล้วทำการห่อผลเพื่อป้องกันการทำลายของแมลงวันผลไม้ ลดร่องรอยทำลายของโรคและแมลง ผลมะม่วงมีสีสดใส และมีสีชัดเจนขึ้น โดยเลือกใช้วัสดุห่อที่เหมาะสม สำหรับวัสดุห่อที่เหมาะสมในมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้คือ ถุงคาร์บอนที่ด้านในเป็นสีดำ ด้านนอกสีน้ำตาลจะช่วยให้ผิวผลมีสีเหลือง กรณีมะม่วงผิวสีแดงต้องใช้วัสดุห่อที่แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้
การเก็บเกี่ยวมะม่วง
การเก็บเกี่ยวมขึ้นอยู่กับพันธุ์ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ เพื่อส่งออกเก็บเกี่ยวประมาณ 98 วัน หลังจากดอกบาน โดยดัชนีการเก็บเกี่ยวใช้การนับอายุหลังติดผลหรืออาจสังเกตนาลที่ผล หรือใช้การลอยน้ำ หรือใช้ผู้เก็บเกี่ยวที่มีความชำนาญ เปิดถุงดูขนาดผล โดยใช้นิ้งวัดรอบผลด้านกว้าง ดูความแก่จากร่องรอยแผล ที่เกิดจากการผสมเการ แล้วเก็บด้วยมือทีละผล โดยปลิดขั้วบริเวณรอยต่อของก้านผลกับกิ่ง ให้มีก้านผลติดกับผลเพื่อไม่ให้ยางไหลเปื้อนผล คัดคุณภาพเบื้องต้นก่อนส่งให้ผู้ส่งออก
ข้อควรระวัง คือหลังจากเปิดถุงห่อผลแล้วต้องคลุมตะกร้าผลมะม่วงด้วยถุงตาข่ายหรือปฏิบัติงานในโรงเรือนที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลงวันผลไม้เข้าทำลายและห่อด้วยโฟมตาข่ายเพื่อลดการกระแทกของผลและบรรจุในตะกร้าที่มีวัสดุป้องกันการกระแทกไปยังโรงคัดบรรจุ
ราคาขายตลาดสี่มุมเมือง ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2567
- มะม่วงน้ำดอกไม้สุก (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 45 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 35 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 25 บาท
- มะม่วงน้ำดอกไม้แก่ (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 28 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 22 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 15 บาท
- มะม่วงน้ำดอกไม้ ดิบ (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 38 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 28 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 18 บาท
- มะม่วงน้ำดอกไม้ ดิบ (ยำ) (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 30 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 24 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 18 บาท
- มะม่วงเขียวเสวย (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 40 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 33 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 22 บาท
- มะม่วงโชคอนันต์ (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 30 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 22 บาท
- มะม่วงมันเดือนเก้า (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 23 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 15 บาท
- มะม่วงฟ้าลั่น สามพราน (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 23 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 20 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 15 บาท
- มะม่วงแก้วขมิ้น (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 20 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 16 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 12 บาท
- มะม่วงแก้ว(ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 20 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 16 บาท
- มะม่วงฟ้าลั่น (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 20 บาท / (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 16 บาท / (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 12 บาท
- ยอดมะม่วงอ่อน (ใหญ่สวย) ราคา 12 บาทต่อกำ / (เล็กสวย) ราคา 10 บาทต่อกำ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.il.mahidol.ac.th, https://mediatank.doae.go.th/ www.simummuangmarket.com
ภาพประกอบ : www.flickr.com
การตัดแต่งกิ่งต้นมะม่วงให้ออกผลเยอะ
ขั้นตอนการปลูกมะม่วงให้ได้ผลผลิตออกมาดี สวย เป็นที่ต้องการของตลาด