วิธีปลูกหอมแดงด้วยหัว ให้ได้ผลผลิตดี ขายได้ราคางาม

หอมแดง

หอมแดง เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าหัวสะสมอาหาร หอมแดงสามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วน ที่มีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 5.0 – 6.5 และความชื้นในดินควรสูงในขณะที่เจริญเติบโต แต่เมื่อหัวเริ่มแก่ดินและอากาศต้องแห้ง ช่วงที่ปลูกได้ผลดี คือ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – มีนาคม

หอมแดง
หอมแดง ใช้ในการประกอบอาหารคาวและหวาน

แหล่งเพาะปลูก

แหล่งเพาะปลูกหอมแดงมากที่สุดคือ ภาคอีสาน ได้แก่ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครราชสีมา รองลงมาคือภาคเหนือ ได้แก่  ลำพูน เชียงใหม่ เชียงรายและอุตรดิตถ์ นอกจากนี้ยังมีปลูกกันที่ราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม

พันธุ์ของหอมแดง

พันธุ์ของหอมแดงที่นิยมปลูกในบ้านเรา  คือ

  1.  หอมแดงพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือ  ทางภาคเหนือเรียก  หอมบั่ว เป็นหอมแดงที่มีเปลือกนอกสีเหลืองปนส้มขนาดหัวปานกลาง ลักษณะกลมรี ใน 1 หัวแยกได้ 2-3 กลีบ กลิ่นไม่ฉุนจัด รสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโตไม่มีดอกและเมล็ด  เมื่อปลูก 1 หัว จะแตกกอให้หัวประมาณ  5-8  หัว อายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ในฤดูหนาว 90 วัน และฤดูฝน 45 วัน  ผลผลิตที่ได้ประมาณ  2000-3000  กิโลกรัม/ไร่ ขึ้นอยู่กับฤดูปลูกและการดูแลรักษา คุณภาพในการเก็บรักษาไม่ค่อยดี  เพราะมีเปอร์เซ็นต์แห้งฝ่อ และเน่าเสียหายมากถึง  60%
  2.  หอมแดงพันธุ์บางช้าง หรือหอมแดงศรีสะเกษ เป็นหอมแดง ที่มีเปลือกนอกสีม่วงปนแดง  เปลือกหนาและเหนียว  ขนาดหัวใหญ่ สม่ำเสมอ หัวมีลักษณะกลมใน 1 หัว มี 1-2 กลีบ กลิ่นฉุนจัด มีรสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโตจะสร้างดอกและเมล็ดมาก ซึ่งจะต้องหมั่นตรวจดูและเด็ดทิ้งให้หมด มิฉะนั้นจะทำให้ได้ขนาดหัวเล็กและจำนวนหัวน้อย  โดยทั่วไปเมื่อปลูก 1  หัวจะแตกกอให้หัวประมาณ 8-10  หัว  การแตกกอและลงหัวช้ากว่าหอมบั่วเล็กน้อย  มีอายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ให้ฤดูหนาว 100 วันขึ้นไป และฤดูฝน 45 วัน ให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามฤดูปลูกและการดูแลรักษาได้ประมาณ  1000-5000  กิโลกรัม/ไร่  คุณภาพในการเก็บรักษาดีกว่าหอมบั่ว

การเพาะปลูก

การเตรียมดิน
หอมแดงมีระบบรากตื้น ชอบดินร่วน มีการระบายน้ำดี แปลงปลูกควรไถพรวนหรือขุดด้วยจอบพลิกดินตากแดดไว้ก่อน 2-3 วัน แล้วย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก อย่าให้ละเอียดมากเพราะจะทำให้ดินแน่น หอมลงหัวยากควรใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยมูลสัตว์ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว เก็บเศษวัชพืช หรือรากหญ้าอื่นๆ ออกให้หมดแล้วรองพื้นก่อนปลูกด้วยปุ๋ยวิทยาศาสตร์สูตร 15-15-15 ในปริมาณ 20-50 กิโลกรัม/ไร่

การเตรียมพันธุ์หอม
หัวหอมพันธุ์ที่จะใช้ปลูกควรเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน เพราะหัวหอมที่จะใช้ปลูกควรมีระยะพักตัวอยู่สักระยะหนึ่ง แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน เพราะระยะนี้หอมจะเริ่มแดงยอดอ่อนสีเขียวพ้นหัวเก่ามาแล้ว ให้นำหัวหอมพันธุ์มาตัดแต่งทำความสะอาด ตัดเล็มรากเก่า และใบแห้งทิ้งให้หมด หากเห็นว่ายอดอ่อนยาวอาจตัดทิ้งเสียสัก  1  ใน 10 เพื่อเร่งให้งอกไวเมื่อปลูกแล้ว ในพื้นที่ปลูก 1 ไร่จะใช้หัวหอมพันธุ์ประมาณ 200 กิโลกรัม ก่อนปลูกหากเห็นว่าหัวหอมพันธุ์เป็นโรคราดำ หรือมีเน่าปะปนมา ต้องฉีดพ่นหรือจุ่มน้ำสารละลายป้องกันกำจัดเชื้อราจำพวกมาเนบ หรือซีเนบ  ตามอัตราที่กำหนดในฉลาก และผึ่งลมให้แห้งก่อนนำไปปลูก

ระยะปลูก
นิยมปลูกเป็นแปลงขนาดกว้าง 1-1.5 เมตร ความยาวของแปลง เป็นไปตามความสะดวกในการปฏิบัติงานควรปลูกเป็นแถว ระยะปลูก 15-20  ซม.หรือ  20-20  ซม.

การปลูก
ก่อนปลูกควรรดน้ำแปลงปลูกให้ดินชุ่มชื้นไว้ล่วงหน้า  นำหัวหอมพันธุ์มาปลูกลงในแปลง  โดยเอาส่วนโคนหรือที่เคยเป็นที่ออกรากเก่าจิ้มลงไปในดินประมาณครึ่งหัว  ระวังอย่ากดแรงนักจะทำให้ลำต้นหรือหัวช้ำทำให้ไม่งอก หรืองอกรากช้า  เมื่อปลูกทั่วทั้งแปลงให้คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหรือแกลบหนาพอสมควรเป็นการรักษาความชุ่มชื้นและคุมวัชพืช จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ต้นหอมจะงอกออกมาภายใน 7-10 วัน หากหัวใดไม่ลอกให้ทำการปลูกซ่อมทันที

ต้นหอมแดง
ต้นหอมแดง ต้นทรงกลม ถูกห่อหุ้มด้วยกาบใบ มีหัวอยู่ในดิน
ดอกหอมแดง
ดอกหอมแดง ดอกเป็นช่อ แทงออกมากลางลำต้น
หอมแดงก่อนเก็บเกี่ยว
หอมแดงก่อนเก็บเกี่ยว ต้นออกรวมกันเป็นกระจุก

การดูแลรักษาหอมแดง

การให้น้ำ
หอมแดงต้องการน้ำมากและสม่ำเสมอในระยะเจริญเติบโตและแตกกอ หากปลูกในที่ ๆ  มีอากาศแห้งและลมแรง อาจต้องคอยให้น้ำบ่อย ๆ เช่น ภาคอีสาน ช่วงอากาศแห้งมาก ๆระยะแรกอาจให้น้ำวันละ  2  ครั้ง เช้าเย็น ในภาคเหนือเกษตรกรจะให้น้ำประมาณ 3-7 วันต่อครั้ง

การให้ปุ๋ย

  • เมื่ออายุ 14 วันหลังปลูก ควรใส่ปุ๋ยยูเรียหรือแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 20-25 กิโลกรัม/ไร่
  • เมื่ออายุ 35-40 วัน ให้ใส่ปุ๋ย 15-15-15 ในอัตรา 20-50 กิโลกรัม/ไร่
    การใส่ปุ๋ยใช้วิธีโรยห่างๆ ต้นห่างจากต้นราว 7 ซม. หรือใช้วิธีโรยให้ทั่วแปลงก็ได้ หลังจากให้ปุ๋ยให้รดน้ำหรือเอาน้ำเข้าแปลงให้ชุ่ม

การกำจัดวัชพืช
ควรกำจัดวัชพืชบ่อย ๆ เมื่อวัชพืชยังเล็ก หากโตแล้วจะทำการกำจัดยากและจะกระทบกระเทือนรากหอมแดงได้มาก ปัจจุบันนิยมใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชมากขึ้นเพราะประหยัดแรงงานกว่า ตัวอย่างสารเคมีที่ใช้กำจัดวัชพืชในแปลงหอมแดงได้แก่ อลาคลอร์ อัตราการใช้ให้ใช้ตามที่ระบุในฉลากยา

การเก็บเกี่ยวหอมแดง

โดยปกติหอมแดงที่ปลูกในฤดูหนาว จะแก่จัดเมื่ออายุ  70-110  วัน  ถ้าปลูกในฤดูฝนจะสามารถเก็บได้เมื่ออายุประมาณ 45 วัน แต่ผลผลิตของหอมแดงทั้ง 2 ฤดูแตกต่างกัน คือในฤดูหนาวจะให้ผลผลิตมากเป็น 2-3 เท่าของในฤดูฝน  จึงเป็นเหตุให้หอมแดงในฤดูฝนมีราคาสูงกว่า

ก่อนเก็บเกี่ยวหัวหอมแดงนั้น จะทำการเก็บเกี่ยวดอกหอมก่อน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจึงทำการเก็บเกี่ยวหัวหอม

หอมแดงที่เริ่มแก่แล้วจะสามารถสังเกตได้จากสีของใบจะเขียวจางลง  ปลายใบเริ่มเหลืองและใบมักจะถ่างออก  เอนล้มลงมากขึ้น ถ้าบีบส่วนคอ คือบริเวณโคนใบต่อกับหัวหอมจะอ่อนนิ่ม ไม่แน่นแข็ง แสดงว่าหอมแก่แล้ว

หลังจากเก็บเกี่ยว มีการปฏิบัติคล้ายกระเทียม  คือหอมแดงที่ถอนแล้วต้องนำมาผึ่งลมในที่ร่มให้ใบเหี่ยวแห้งจากนั้นก็มัดเป็นจุก คัดขนาดและทำความสะอาด คัดพันธุ์แล้วนำไปแขวนไว้ในที่ร่ม เช่นใต้ถุนบ้าน ให้มีลมโกรก เพื่อระบายความชื้นจากหัวและใบหอม ไม่ให้ถูกแดด ฝนหรือน้ำค้าง  หอมแดงหากเก็บไว้ในอากาศอบอ้าวจะเกิดโรคราสีดำ  และเน่าเสียหายเช่นเดียวกับกระเทียม

หอมแดงเมื่อถอนแล้ว
หอมแดงเมื่อถอนแล้ว จะทำการมัดรวมกัน เพื่อพึ่งลม

การเก็บหอมแดงไว้ทำพันธุ์

หอมแดงที่แก่จัดหากเก็บรักษาดีจะฝ่อแห้งเสียหาย  เพียง  35-40%  ควรคัดเลือกหอมแดงที่จะใช้ทำพันธุ์  แยกออกมาต่างหากจากส่วนที่จะขาย  และฉีดพ่นยากันรา  เช่น  เบนเลท  ให้ทั่ว  และนำไปผึ่งลมจนแห้งสนิทจึงนำไปเก็บรักษาไว้ทำพันธุ์  (ไม่ควรนำมารับประทาน) จะช่วยป้องกันไม่ให้หอมแดงเน่าเสียหายง่าย

หัวหอมแดงแห้ง
หัวหอมแดงแห้ง เปลือกด้านนอกสีแดงหรือสีแดงม่วง

ราคาขาย

ราคาขายตลาดสี่มุมเมือง ณ วันที่ 5 มีนาคม 2566

  • หอมแดงตัดจุก (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 40 บาท
  • หอมแดงตัดจุก (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 35 บาท
  • หอมแดงตัดจุก (เล็กสวย) ราคากิโลกรัมละ 30 บาท
  • หอมแดงจุก (กลางสวย) ราคากิโลกรัมละ 35 บาท

ราคาขายตลาดไท ณ วันที่ 5 มีนาคม 2566

  • หอมแดง ราคากิโลกรัมละ  60-70 บาท

การแปรรูปของหอมแดง

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9966&SystemType=BEDO
www.arda.or.th, www.simummuangmarket.com, www.talaadthai.com, www.flickr.com

One Comment

Add a Comment