น้อยโหน่ง ผลสุกรับประทานได้ มีรสหวานมัน

น้อยโหน่ง

ชื่ออื่นๆ : น้อยโหน่ง (ภาคกลาง) มะโหน่ง, มะเหนียงแฮ้ง (ภาคเหนือ) มะดาก (แพร่) หนอนลาว (อุบลราชธานี) หมากอ้อ (แม่ฮ่องสอน) น้อยหนัง (ภาคใต้) น้อยหน่า (ปัตตานี) เร็งนา (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)

ต้นกำเนิด : อเมริกาเขตร้อน

ชื่อสามัญ : น้อยโหน่ง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annona reticulata

ชื่อวงศ์ : Annonaceae

ลักษณะของน้อยโหน่ง

ต้น เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เปลือกบางแต่เหนียว ค่อนข้างเรียบ ไม่นูนเป็นตา ๆ สีเขียวจาง ๆ ปนสีแดงเรื่อ ๆ ความสูงของลำตัวประมาณ 5-8 เมตร

ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก หรือใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับเป็นรูปใบหอก ปลายและโคนใบแหลมสีเขียวสด ปลูกได้ในดินทั่วไป

ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยว ๆ หรือออกเป็นช่อกระจุก 2-3 ดอก กลีบดอกค่อนข้างหนา มีกลีบดอก 3 กลีบ กลีบดอกมีสีเหลืองแกมเขียว และดอกมีกลิ่นหอมแบบเอียน ๆ ดอกออกช่วงเดือนกุมภาพันธ์

ผล ผลน้อยโหน่ง ขนาดของผลจะมีขนาดใหญ่กว่าน้อยหน่า ผลรูปกลมหรือรูปทรงหัวใจ ผิวเปลือกบางเรียบแต่เหนียว ไม่มีตาโปนออกมาตามเปลือกเหมือนน้อยหน่า ผลดิบเปลือกมีสีเขียวจาง ๆ ปนแดงเรื่อ ๆ แต่เมื่อสุกจะเป็นสีแดงอมน้ำตาลเข้ม เนื้อข้างในผลหนามีสีขาว มีเมล็ดจำนวนมาก และมีรสหวานแต่ไม่เท่าน้อยหน่า โดยน้อยโหน่งจะได้รับความนิยมในการรับประทานน้อยกว่าน้อยหน่า เนื่องจากผลน้อยโหน่งมีกลิ่นฉุนนั่นเอง ผลออกในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม

ต้นน้อยโหน่ง
ไม้ยืนต้น ใบสีเขียวเป็นมัน ใต้ใบสีอ่อน

การขยายพันธุ์ของน้อยโหน่ง

ใช้เมล็ด/เพาะเมล็ด/ตอนกิ่ง

ธาตุอาหารหลักที่น้อยโหน่งต้องการ

ประโยชน์ของน้อยโหน่ง

  • ผลสดที่สุกแล้ว ใช้รับประทาน มีรสหวานมัน มีวิตามินและคุณค่าทางอาหารสูง
  • ทั้งผลดิบและใบสด ยังสามารถใช้ต้มเอาน้ำมาทำเป็นสีดำ หรือสีน้ำเงิน ใช้ย้อมผ้าให้สวยงาม และติดทนนานอีกด้วย
ผลน้อยโหน่ง
ผลค่อนข้างกลม มีสีเขียวปนชมพู เมื่อสุกสีแดงคล้ำ

สรรพคุณทางยาของน้อยโหน่ง

  • เปลือกเป็นยาสมานแผล และห้ามเลือด มี tannin และ aalkaloid anonaine
  • ใบเป็นยาถ่ายพยาธิ แก้โรคบิด และเป็นยาพอกฝี
  • น้ำคั้นจากใบใช้ฆ่าเหา ผลดิบและผลแห้ง เป็นยาสำหรับโรคท้องร่วง โรคบิด และขับพยาธิ
  • เมล็ดเป็นยาฆ่าแมลง และเป็นยาสมานแผล
  • เนื้อในเมล็ดเป็นยาพิษอย่างแรง รากใช้รักษาโรคเรื้อน

คุณค่าทางโภชนาการของน้อยโหน่ง

การแปรรูปของน้อยโหน่ง

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10196&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

One Comment

Add a Comment