ผักกุ่มน้ำ
ชื่ออื่นๆ : หาะเถาะ (กาญจนบุรี) อำเภอ (สุพรรณบุรี, ภาคตะวันตกเฉียงใต้) ผักกุ่ม, ก่าม, ผักก่าม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) รอถะ (ละว้า-เชียงใหม่, ภาคเหนือ) กุ่มน้ำ (ภาคกลาง) ด่อด้า (ปะหล่อง)
ต้นกำเนิด : มักพบได้ตามริมแม่น้ำ ข้างลำธาร หรือที่ชื้นแฉะ ในป่าเบญจพรรณ หรือพบได้ตามริมน้ำลำธารในป่าดิบแล้งและป่าผลัดใบที่มีความสูงระดับ 30-700 เมตร
ชื่อสามัญ : Crataeva
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crateva religiosa G.Forst.
ชื่อวงศ์ : CAPPARACEAE
ลักษณะของผักกุ่มน้ำ
ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 5-20 เมตรเปลือกต้นค่อนข้างเรียบ มีสีเทาจะผลัดใบร่วงหมดทั้งต้นเมื่อออกดอก
ใบ ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ แผ่นใบค่อนข้างหนา สีเขียวเป็นมัน ด้านล่างใบมีสีอ่อนกว่าด้านบน มีใบย่อย 3 ใบ ก้านใบประกอบมีความประมาณ 4-14 เซนติเมตร หูใบเล็ก ร่วงได้ง่าย ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปใบหอกหรือขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 1.5-6.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4.5-18 เซนติเมตร ปลายค่อย ๆ เรียวแหลม มีความยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร โคนสอบ ใบย่อยที่อยู่ด้านข้างโคนใบจะเบี้ยวเล็กน้อย ใบย่อยไม่มีก้าน หรือถ้ามีก็ยาวไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ใบกุ่มน้ำมีเส้นแขนงของใบข้างละประมาณ 9-20 เส้น และอาจมีถึงข้างละ 22 เส้น เส้นใบสามารถมองเห็นได้ชัดจากด้านล่าง เมื่อใบแห้งจะมีสีค่อนข้างแดง
ดอก ดอกเป็นช่อแบบกระจะถี่ ออกตามยอด หนึ่งช่อมีหลายดอก ก้านดอกยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม กว้างประมาณ 2 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร กลีบดอกกุ่มน้ำมีสีขาว แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ใบมีลักษณะค่อนข้างกลมถึงรี มีความกว้างประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร ส่วนก้านชูอับเรณูจะมีความประมาณ 3.5-6.5 เซนติเมตร และอับเรณูจะยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ก้านชูเกสรตัวเมียจะยาวประมาณ 3.5-8 เซนติเมตร ดอกมีรังไข่เป็นรูปรีหรือรูปทรงกระบอก มีอยู่ 1 ช่อง มักออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
ผล ผลเป็นรูปกลมรี มีเปลือกหนา ผลหรือเปลือกผลมีสีนวลหรือสีเหลืองอมเทา เมื่อสุกจะเป็นสีเทา ผลแก่ผิวจะเรียบ ผลกว้างประมาณ 1.5-4.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ก้านผลยาวประมาณ 8-13 เซนติเมตร ก้านหนาประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ด้านในผลมีเมล็ดมาก
การขยายพันธุ์ของผักกุ่มน้ำ
การเพาะเมล็ด, การปักชำและการตอนกิ่ง
ธาตุอาหารหลักที่ผักกุ่มน้ำต้องการ
ประโยชน์ของผักกุ่มน้ำ
- ยอดอ่อนใช้ปรุงเป็นอาหารไว้รับประทานได้ ด้วยการนำมาดองน้ำเกลือตากแดด ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วค่อยนำไปปรุงเป็นอาหาร ด้วยวิธีการแกงหรือการผัดก็ได้ หรือจะใช้ดอกและใบอ่อนนำไปดองหรือต้ม ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือจะไปปรุงเป็นอาหาร เช่น ทำอ่อม คล้ายกับแกงขี้เหล็กก็ได้
- เนื่องจากใบและดอกกุ่มน้ำมีความสวย จึงสามารถใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ โดยเหมาะสำหรับบ้านเรือนที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง และทนต่อน้ำท่วมขังได้ดี
- ต้นกุ่มน้ำเป็นไม้โตเร็ว มีรากลึกและแผ่กว้าง เหมาะสำหรับปลูกไว้ตามริมตลิ่งชายน้ำในแนวสูงกว่าระดับน้ำปกติในช่วงฤดูฝน หรือปลูกไว้ตามริมห้วยในพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำสายหลัก จะสามารถช่วยลดการกัดเซาะริมตลิ่งได้เป็นอย่างดี และยังทนทานต่อน้ำท่วมขังอีกด้วย
- นอกจากปลูกต้นกุ่มไว้รับประทานเป็นอาหารและใช้เป็นยาสมุนไพรแล้ว ต้นกุ่มยังจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันในอดีต ด้วยเชื่อว่าจะทำให้ครอบครัวมีฐานะ มีเงินเป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนชื่อของ
- ต้นกุ่ม
- ไม้กุ่มน้ำเป็นไม้เนื้ออ่อน จึงสามารถนำมาใช้ในงานแกะสลักต่าง ๆ ได้ เช่น เครื่องดนตรี เป็นต้น
- ลำต้นกุ่มน้ำสามารถนำมาใช้ทำเป็นไหข้าวได้ (คนเมือง)
- ปริมาณมาก อาจเกิดอาการรุนแรงได้ภายใน 10-15 นาที แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณเล็กน้อยจะมีสรรพคุณเป็นยาระบาย
สรรพคุณทางยาของผักกุ่มน้ำ
- เปลือกต้นใช้ปรุงเป็นยาบำรุงร่างกาย (เปลือกต้น)
- แก่นใช้ต้มกับน้ำดื่มช่วยบำรุงกำลัง (แก่น)
- รากและเปลือกต้นกุ่มน้ำใช้เป็นยาบำรุงกำลังของสตรีได้
- รากใช้แช่น้ำกิน เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย (ราก, ใบ)
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
- ช่วยแก้กษัย แก้ในกองลม หรือต้มเป็นยาตัดลมในลำไส้ (เปลือกต้น)
- แก้ลมขึ้นเบื้องสูง (ใบ)
- ช่วยแก้ไข้ (ผล, ใบ) (เปลือกต้น)
- เปลือกต้นใช้เป็นยาช่วยแก้อาเจียน (เปลือกต้น)
- ดอกกุ่มบกมีรสเย็น ช่วยแก้อาการเจ็บในตา (ดอก)
- ช่วยแก้ลมทำให้เรอ (เปลือกต้น)
- ใบมีรสหอมขม ช่วยขับเหงื่อ (ใบ, เปลือกต้น)
- ช่วยแก้อาการเจ็บตา (ดอก)
- ช่วยแก้อาการเจ็บในลำคอ (ดอก)
- ช่วยแก้อาการสะอึก (ใบ) หรือจะใช้เปลือกต้นผสมกับเปลือกกุ่มบก เปลือกทองหลางใบมน ใช้ต้มเป็นน้ำดื่มแก้อาการก็ได้ (เปลือกต้น)
- รากช่วยแก้อาการปวดท้อง (ราก)
- เปลือกต้นมีรสขมหอม ช่วยขับผายลม หรือใช้เป็นยาขับลม ด้วยการใช้เปลือกต้นกุ่มน้ำผสมกับเปลือกกุ่มบก เปลือกทองหลางใบมน แล้วนำมาต้มน้ำดื่ม (เปลือกต้น,ใบ)
- ใบกุ่มน้ำใช้เป็นยาระบาย (ใบ,เปลือกต้น)
- ช่วยขับพยาธิ (ใบ,เปลือกต้น)
- ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ใบ,กระพี้)
- ช่วยแก้ริดสีดวงผอมแห้ง (เปลือกต้น)
- แก่นมีรสร้อน ช่วยแก้นิ่ว (แก่น)
- ช่วยขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ (เปลือกต้น)
- ช่วยขับน้ำดี (เปลือกต้น)
- ช่วยขับน้ำเหลืองเสียในร่างกาย (เปลือกต้น)
- รากช่วยขับหนอง (ราก)
- เปลือกต้นใช้เป็นยาช่วยระงับพิษที่ผิวหนัง (เปลือกต้น)
- ช่วยแก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว (ดอก)
- ช่วยแก้อาการปวดเส้น (ใบ)
- แก่นกุ่มบกใช้ต้มดื่มช่วยแก้อาการปวดเมื่อยได้ (แก่น)
- เปลือกต้นใช้ทำเป็นยาลูกกลอน ช่วยแก้อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ (เปลือกต้น)
- ใบกุ่มน้ำแก้โรคไขข้ออักเสบ แก้อัมพาต (ใบ)
- ใบใช้เป็นยาทาภายนอก เป็นยาถูนวดให้เลือดมาเลี้ยงทั่วบริเวณที่นวด (ใบ)
คุณค่าทางโภชนาการของผักกุ่มน้ำ
คุณค่าทางโภชนาการ ผักกุ่มดอง รสเปรี้ยว
ใบผักกุ่มดอง 100 กรัม ให้พลังงาน 88 กิโลแคลอรี่
- น้ำ 73.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 15.7 กรัม
- โปรตีน 3.4 กรัม
- ไขมัน 1.3 กรัม กาก 4.9 กรัม
- แคลเซี่ยม 124 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
- เหล็ก 5.3 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 6083 IU
- วิตามินบีหนึ่ง 0.08 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 0.25 มิลลิกรัม
- ไนอาซีน 1.5 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 5 มิลลิกรัม
การแปรรูปของผักกุ่มน้ำ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9767&SystemType=BEDO
http:// ecoforest.phsmun.go.th
https://www.flickr.com