ละหุ่ง
ชื่ออื่นๆ : ละหุ่งแดง (ภาคกลาง) มะโห่ง, มะโห่งหิน (ภาคเหนือ) มะละหุ่ง
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : Castor Bean
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ricinus communis L.
ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae
ลักษณะของละหุ่ง
ต้น ไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 6 เมตร ละหุ่งขาวลำต้นและก้านใบจะเป็นสีเขียว ละหุ่งแดงลำต้นและก้านใบจะเป็นสีแดง ยอดอ่อนและช่อดอกเป็นนวลขาว
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบกว้าง 15 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร รูปฝ่ามือ มี 6-11 แฉก ปลายแฉกแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ขนาดไม่เท่ากัน ปลายจักเป็นต่อม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-20 เซนติเมตร โคนใบแบบก้นปิด เส้นแขนงใบเรียงจรดปลายจักที่มีขนาดใหญ่ ก้านใบยาว 10-30 เซนติเมตร มีต่อมที่ปลายก้าน หูใบเชื่อมติดกันรูปสามเหลี่ยม ยาวได้ประมาณ 1.5 เซนติเมตร ติดตรงข้ามใบ โอบรอบกิ่ง ร่วงง่าย
ดอก ออกเป็นช่อ ที่ปลายกิ่งหรือที่ปลายยอดแบบช่อกระจะ บางครั้งแยกแขนง มีทั้งดอกตัวผู้ และดอกตัวเมียอยู่ในช่อเดียวกัน ดอกเพศผู้อยู่ช่วงบน ดอกเพศเมียอยู่ช่วงล่าง ก้านดอกยาวกว่าดอกเพศผู้ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ในดอกเพศเมียเรียวแคบกว่า เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็นกลุ่มๆ แตกแขนง รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1 เม็ด มีเกล็ดคล้ายหนามปกคลุม ก้านเกสร 3 อัน ยาวเท่าๆ กลีบเลี้ยงบางแยกเป็น 3-5 แฉก ติดทน ไม่มีกลีบดอก ก้านดอกยาว ไม่มีจานฐานดอก กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายเป็น 5 หยัก รูปสามเหลี่ยม ยาวได้ประมาณ 1 เซนติเมตร ร่วงง่าย
ผล เป็นผลแห้งแบบแคปซูล ทรงรี ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มี 3 พู รูปไข่ สีเขียว ยาว 1-1.5 เซนติเมตร ผิวมีขนคล้ายหนามอ่อน ทั้งผล คล้ายผลเงาะ เมล็ดทรงรี เปลือกเมล็ดสีน้ำตาลแดงประขาว คล้ายตัวเห็บ เนื้อในสีขาว
เมล็ด มีพิษ มีน้ำมัน
การขยายพันธุ์ของละหุ่ง
ธาตุอาหารหลักที่ละหุ่งต้องการ
ประโยชน์ของละหุ่ง
ใบ – เป็นยาขับน้ำนม แก้เลือดพิการ
ราก – แก้พิษไข้เซื่องซึม และเป็นยาสมานด้วย
น้ำมันจากเมล็ด – ใช้เป็นยาระบายในเด็ก น้ำมันหล่อลื่น เครื่องจักร ใช้ทำสบู่ ใช้เป็นอาหารสัตว์ และใช้ทำสีโป๊รถ
สรรพคุณทางยาของละหุ่ง
ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ น้ำมันจากเมล็ด เข้ายากับน้ำมันงา ทาแก้กระดูกหัก กระดูกแตก ใบ ห่อกับก้อนอิฐแดง เผาไฟ ประคบ แก้ริดสีดวงทวาร
ตำรายาไทย ใช้ น้ำมันจากเมล็ด รสมันเอียน มีฤทธิ์ระบายอุจจาระสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ (ต้องสกัดเอาแต่น้ำมันจากเมล็ดเท่านั้น ไม่ติดส่วนอื่นมาจะเป็นพิษได้ วิธีบีบน้ำมันจากเมล็ดต้องไม่ใช้ความร้อน ถ้าบีบโดยใช้ความร้อนจะมีโปรตีนที่เป็นพิษชื่อ “ricin” ติดมาด้วย ไม่ใช้ทำยา)
– เมล็ด นำเมล็ดมาทุบแล้วเอาจุดงอกออก ต้มกับนมครึ่งหนึ่ง แล้วต้มกับน้ำเพื่อทำลายพิษ กินแก้ปวดข้อปวดหลัง ตำเป็นยาพอกแผล
– ใบสด รสจืดขื่น มีฤทธิ์ฆ่าแมลงบางชนิดได้ ต้มกินเป็นยาระบาย แก้ปวดท้อง ขับน้ำนม ขับระดู ขับลม เผาไฟพอกแก้ปวดบวม ปวดตามข้อ ปวดศีรษะ และแผลเรื้อรัง ตำเป็นยาพอกฝี แก้ช้ำรั่ว(อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่) แก้เลือดลมพิการ ราก รสจืด ตำเป็นยาพอกเหงือกแก้ปวดฟัน ต้มกินเป็นยาระบาย
– รากใช้สุมเป็นถ่านทำเป็นยารับประทานแก้พิษไข้เซื่องซึม และเป็นยาสมาน
ทางเภสัชกรรม ใช้ น้ำมันละหุ่ง กินเป็นยาระบายหรือยาถ่ายอย่างอ่อนมีฤทธิ์กระตุ้นผนังลำไส้ให้บีบตัว ขับกากอาหารออกมา มักใช้ในผู้ป่วยโรคท้องเดินเฉียบพลันที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ เพื่อขับถ่ายอาหารที่เป็นพิษออกมา หรือใช้ทำความสะอาดลำไส้ก่อนการเอ็กซเรย์ลำไส้และกระเพาะอาหาร แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมวนท้องได้ นอกจากนี้ยาขี้ผึ้งน้ำมันละหุ่งความเข้มข้นร้อยละ 5-10 ใช้ทาแก้ผิวหนังอักเสบ
ข้อควรระวัง
เมล็ด มีพิษมาก ถ้ากินเพียง 2-3 เมล็ด ปากและคอจะไหม้พอง เลือดออกในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้อาเจียน อุจจาระมีเลือด ตับและไตถูกทำลาย ความดันโลหิตลดลงอาจทำให้ตายได้
การออกฤทธิ์ : ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
ส่วนที่เป็นพิษ : ใบและเมล็ด
สารพิษ : โปรตีน
อาการ : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง อ่อนเพลีย จุกเสียด กระหายน้ำ ปวดศีรษะ อาจถ่ายเป็นเลือด ความดันเลือดต่ำ อัมพาต ผิวหนังแดง ชัก ม่านตาขยาย และสั่น อาจมีอาการเคลิ้มฝันในเด็ก เลือดออกใน retina
วิธีการรักษา :
- พยายามทำให้อาเจียน
- รับประทานยาเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้
- รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อล้างท้อง
- ให้รับประทานยาถ่ายประเภทเกลือ เช่น ดีเกลือ เพื่อลดการดูดซึมสารพิษ และให้น้ำเกลือเพื่อทดแทนน้ำ
- ลดการอุดตันต่อทางเดินในไตเนื่องจากเม็ดเลือดแดงที่เกาะรวมตัวกัน โดย ให้รับประทานโซเดียมไบคาร์บอเนต เช่น โซดามินท์วันละ 5-15 กรัม (17-50 เม็ด) เพื่อทำให้ปัสสาวะมีสภาพเป็นด่าง
- ระหว่างนี้ต้องให้อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น น้ำหวาน งดอาหาร ไขมัน เพื่อลดอาการตับอักเสบ
หมายเหตุ ต้องระวังอาการไตวาย และหมดสติด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของละหุ่ง
การแปรรูปของละหุ่ง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9791&SystemType=BEDO
https://medplant.mahidol.ac.th
https://www.flickr.com
One Comment