ลูกหยีนำมาใช้บริโภค ต้นลูกหยีจะสามารถใช้บังลมและให้ร่มเงา

ลูกหยี

ชื่ออื่นๆ : เขลง, กาหยี ภาคอีสานเรียก นางดำ

ต้นกำเนิด : รัฐซาบะฮ์และรัฐซาราวัก พบในกัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า ไทย และเวียดนาม

ชื่อสามัญ : –

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dialium Cochinchinense Pierre

ชื่อวงศ์ : Dialium

ลักษณะของลูกหยี

ต้น ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมน้ำตาล

ใบ ใบมีลักษณะเรียว การแตกของใบย่อยเป็นแบบสลับ ปลายใบย่อยแหลมยาว และโค้ง ต้นหยีจะ

ดอก ออกดอกที่ปลายกิ่ง มีลักษณะเป็นช่อสีขาว ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ขนาดของดอกตูมโตประมาณครั้งหนึ่งของข้าวสาร ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม

ผล ผลออกเป็นช่อคล้ายลำใย มีผิวสีดำ เนื้อในสีแสด และยุ่ย (Pithy) เปลือกผลบาง เมื่อผลสุกสามารถแยกเนื้อผลออกจากเปลือกได้ง่าย เหมือนมะขามเมื่อสุก ใบแต่ละผลมี 2 เมล็ด เมล็ดมีสีเทา รูปร่างคล้ายเมล็ดข้าวโพด แต่บางและเล็กกว่า ผลสุกได้ในช่วงเดือน สิงหาคม – ตุลาคม

ใบลูกหยี ลูกหยีสุกสีดำ ลูกหยีแก่สีเขียว
ใบลูกหยี ใบเรียว ปลายแหลม

การขยายพันธุ์ของลูกหยี

ใช้เมล็ด/จะนำเมล็ดลูกหยีมาเพาะ ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ก็จะได้ต้นกล้า นำไปปลูกก็ได้ ในอนาคตอาจพบลูกหยีขึ้นตามสวน

ธาตุอาหารหลักที่ลูกหยีต้องการ

ประโยชน์ของลูกหยี

  • ลูกหยีมีประโยชน์นำมาใช้บริโภค ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเมื่อบริโภคลูกหยีซึ่งมีรสฝาดคล้ายส้ม หรือมะขาม
  • ต้นลูกหยีจะสามารถใช้บังลมและให้ร่มเงา
ผลลูกหยี เป็นพวง
ผลลูกหยี ผลออกเป็นช่อ มีผิวสีดำ

สรรพคุณทางยาของลูกหยี

  • บรรเทาอาการเจ็บคอ หรือรักษาอาการไอได้ดีมาก
  • บรรเทาอาการไข้หวัด
  • แก้โรคผิวหนัง รักษาแผล
  • บางคนที่มีลูกอ่อนก็จะนำรากของต้นหยีมาทำยา เพื่อกระตุ้นการไหลของนมแม่
  • เปลือกนอกใช้แก้อาการท้องร่วง
  • ยอดอ่อนก็สามารถใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ได้อีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของลูกหยี

การแปรรูปของลูกหยี

ลูกหยีกวน ลูกหยีฉาบน้ำตาล ลูกหยีทรงเครื่อง ใช้ทำน้ำผลไม้ ซึ่งเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดปัตตานี

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11152&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com

Add a Comment