ลูกอัมพวา
ชื่ออื่นๆ : มะเปรียง, ลูกคางคก, นำนำ, นางอาย, ลูกอาย, น้ำพวา, มะเปลียว, ลูกหล่ำล่ำ, หรือหล่ำล่ำ (พังงา) มะขามคางคก, มังคะ
ต้นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชื่อสามัญ : Namnam
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cynometra cauliflora L.
ชื่อวงศ์ : Leguminosae
ลักษณะของลูกอัมพวา
ต้น เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงเฉลี่ย 3-15 เมตร
ใบ ใบประกอบ รูปไข่ ใบย่อยออกเป็นคู่คล้ายปีกผีเสื้อ ใบอ่อนมีสีขาวอมเหลืองปนม่วงอ่อน ใบอ่อนแตกเป็นช่อห้อยลงมาคล้ายกับใบอ่อนของต้นโศกระย้า เป็นช่อสวยงาม
ดอก ดอกออกเป็นช่อรวมกันเป็นกระจุก ตามปมของลำต้น กลีบเลี้ยงมีสีขาวปนชมพู กลีบดอกสีขาว ผลคล้ายไตหรือเมล็ดถั่ว มีเปลือกบาง ลักษณะของผลขรุขระเป็นคลื่น ไม่เป็นระเบียบคล้ายกับรอยย่น ผลอ่อน สีเขียวมีผงสีน้ำตาลติดอยู่ทั่ว ต่อเมื่อผลแก่ผงหยาบๆ เหล่านี้จะหายไป
ผล ผลแก่มีสีเหลืองอ่อน เนื้อบางภายในผลกลวงเป็นโพรงเพราะเนื้อไม่ติดหุ้มเมล็ด เมื่อเขย่าจะเกิดเสียงดังจากการเคลื่อนตัวของเมล็ดในโพรง ผลที่แก่จัดจะมีเสียงจากการเขย่า เมล็ดมี 2 ซีก เหมือนเมล็ดถั่วขนาดใหญ่ ออกผลในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม
การขยายพันธุ์ของลูกอัมพวา
เพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ลูกอัมพวาต้องการ
ประโยชน์ของลูกอัมพวา
- ต้นอัมพวาสามารถปลูกเป็นไม้ประดับในกระถาง หรือปลูกเป็นไม้ดัดบอนไซได้
- ผลอัมพวา สามารถรับประทานได้ทั้งผลสดและผลที่สุกแล้วรับประทานเป็นผลไม้ มีรสหวานอมเปรี้ยว เนื้อกรอบ ถ้าสุกจะนิ่ม ทั้งกลิ่น และรสชาติ คล้ายกับชมพู่สาแหรก
- ผลอัมพวาไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะเพียง 2-3 วัน ผลจะเริ่มเหี่ยวไม่น่ารับประทาน
สรรพคุณทางยาของลูกอัมพวา
เปลือกต้น ราก รักษาโรคเกี่ยวกับเลือด และรักษาโรคมะเร็ง
คุณค่าทางโภชนาการของลูกอัมพวา
การแปรรูปของลูกอัมพวา
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11724&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com