แคแสด
ชื่ออื่นๆ : แคแดง (กทม., เชียงใหม่) ยามแดง (กทม.)
ต้นกำเนิด : แอฟริกาเขตร้อน เป็นไม้ประดับทั่วไปในเขตร้อน
ชื่อสามัญ : African tulip tree, Fire bell, Fountain tree, Syringe, Flame of the forest
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Spathodea campanulata P.Beauv.
ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE
ลักษณะของแคแสด
ต้น เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง สูง 8-24 เมตร เรือนยอดทรงกลม หนาทึบ เปลือกต้นสีเทาอ่อน แตกเป็นร่องตามแนวยาว
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 3-6 คู่ รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 2.5-5.5 ซม. ยาว 4-12 ซม. มีขนเล็กน้อย ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบ
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อดอกตั้ง ก้านช่อดอกและก้านดอกมีขนสีน้ำตาล ดอกจำนวนมาก ดอกทยอยบานคราวละ 2-6 ดอก และร่วงง่าย ดอกสีแดงหรือสีแดงอมส้ม กลีบเลี้ยงหุ้มดอกตูมแยกออกเมื่อดอกบาน กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ขอบหยัก ย่น เส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 10 ซม. ออกดอกตลอดปี ดอกดกเดือนตุลาคม -กุมภาพันธ์
ผล เป็นฝักรูปเรือ สีดำ กว้าง 3.5-5 ซม. ยาว 15-20 ซม. ปลายแหลม ฝักแก่แตกออกด้านเดียว สีน้ำตาลเข้ม เมล็ด แบนขนาดเล็ก มีจำนวนมาก มีปีกบางล้อมรอบ
การขยายพันธุ์ของแคแสด
เพาะเมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่แคแสดต้องการ
ประโยชน์ของแคแสด
- เมล็ดใช้เป็นสีย้อมผ้าฝ้ายให้สีแดง
- ปลูกเป็นไม้ประดับ ภายนอกและให้ร่มเงา
- นิยมปลูกตามสวนสาธารณะ สถานที่ราชการหรือริมทางทั่วไป เหมาะปลูกกลางแจ้ง นิยมปลูกริมทะเล
สรรพคุณทางยาของแคแสด
- เปลือก ใช้รักษาแผล โรคผิวหนังและแผลเรื้อรัง แก้บิด ใช้ต้มแก้ท้องผูก ชนิดพรรดึก และบำรุงธาตุ
- เปลือกต้น, ใบ ใช้รักษาโรคเอดส์
- ใบ, ดอก ใช้พอกแผล
- ดอก ใช้รักษาแผลเรื้อรัง
คุณค่าทางโภชนาการของแคแสด
การแปรรูปของแคแสด
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9985&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com