โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญของผักกาดเขียวปลี

ผักกาดเขียวปลี เป็นผักอายุปีเดียว ในการปลูกเกษตรกรก็จะพบกับโรคและแมลงศัตรูพืช ที่มักพบกันมาก วันนี้เกษตรตตำบลมีวิธีการป้องกันกำจัด โรคและแมงศัตรูที่สำคัญของผักกาดเขียวปลีมาฝากกันค่ะ 

โรคของผักกาดเขียวปลีที่สำคัญมีดังนี้

1. โรคเน่าคอดิน

สาเหตุเกิด จากเชื้อรา
ลักษณะอาการ ส่วนโคนต้นกล้าที่อยู่ระดับดินจะมีลักษณะเป็นรอยช้ำสีน้ำตาลจากแปลง ผักชื้นแฉะอยู่เสมอ หรือต้นพืชหนาแน่นจนเกินไป อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะทําให้พืชตายอย่างรวดเร็วเป็นหย่อมๆ ยอดจะแห้งคล้ายกับถูกน้ำร้อนลวก ในสภาพที่มีอากาศเย็น และมีความชื้น สูงอาจพบเส้นใยสีขาว คล้ายปุยสําลีของเชื้อราขึ้นคลุมบริเวณที่เกิดโรค

การป้องกันกําจัด

  1. คลุกเมล็ดก่อนนําไปปลูกด้วยยาป้องกันกําจัดเชื้อรา
  2. อย่าเพาะกล้าหนาแน่นเกินไป ควรถอนกล้าออกบ้าง เพื่อให้อาการถ่ายเทได้ดี 
  3. ระวังเรื่องความชื้น อย่าให้น้ำมากโดยไม่จำเป็น
  4. เลือกแปลงปลูกที่ไม่เคยเป็นโรคมาก้อน

2. โรคเน่าเละ

สาเหตุเกิดจาก เชื้อรา
ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกจะปรากฎเป็นจุดสีคล้ำฉ่ำน้ำใส่ๆ ตรงบริเวณแผลที่เชื้อเข้า ทําลายต่อมาบริเวณเน่าจะขยายลุกลามไปเรื่อยๆ สีเหลืองอ่อน เนื้อเยื่อ บริเวณแผลยุบตัวลง แผลเปียกเป็นเมือกเยิ้มมีกลิ่นเหม็น

การป้องกันกําจัด

  1. ระมัดระวังอย่าให้เกิดแผล หรือรอยซ้ำขณะเก็บเกี่ยวและขนส่ง
  2. แปลงปลูกให้มีการระบายน้ำดี 
  3. อย่าให้นามากเกินไป

3. โรคโอกึนหรือโอเก็ง

สาเหตุ ขาดธาตุโบรอน
ลักษณะอาการ พืชจะแคระแกรน มีรอยแตกขึ้นตามผิวของส่วนต่างๆ เช่น ลําต้น ก้านใบ
การป้องกันกําจัด ให้ธาตุอาหารพวกโบรอนลงไปในดิน

4. โรคใบด่าง (Mosaic)

สาเหตุเกิดจาก เชื้อวิสา Tumip Mosaic Virus (TuMV)
ลักษณะอาการ ใบด่างเหลือง ชะงักการเจริญ เนื้อใบหยิกเป็นคลื่น โดยเฉพาะใบส่วนยอด ถ้าโรคนี้ เข้าทำลายตั้งแต่ต้นยังเล็กพืชจะไม่เข้าปลี หรือลงหัวเชื้อวิสาชนิดนี้สามารถถ่ายทอดได้อย่างรวดเร็วด้วยการสัมผัส แต่ไม่ติดไปกับเมล็ดพันธุ์ โดยธรรมชาติจะถ่ายทอดโดยเพลี้ยอ่อน

การป้องกันกําจัด

  1. ระมัดระวังในการปฏิบัติงาน เพื่อลดการกระจายโรคโดยการสัมผัส
  2. ถอนต้นที่เป็นโรคออกเผาทําลายทันทีที่พบ
  3. กําจัดแมลงที่จะทําให้โรคแพร่ระบาด
โรคผักกาดเขียวปลี
โรคผักกาดเขียวปลี

แมงศัตรูที่สำคัญมีดังนี้

1. หนอนกระทู้ผู้

ตัวหนอนมีลักษณะลําตัวอ้วนป้อม ผิวหนังเรียบ มีสีต่างๆ กัน ส่วนหัวมีจดุ สีดำใหญ่ตรงปล้องที่ 3 หนอนที่เกิดใหม่จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เมื่อโตเต็มที่มีขนาด 3-4 เซนติเมตร เคลื่อนไหวช้าระยะตัวหนอนประมาณ 15-20 วัน และจะเข้าดักแด้ใต้ผิวดิน ระยะดักแด้ประมาณ 7-10 วัน การทําลายจะกัดก้านใบ และปลีในระยะเข้าปลี

การป้องกันกําจัด

  1. หมั่นตรวจดูสวนผักเป็นระยะๆ เมื่อพบไข่และตัวหนอนที่กําลังอยู่นัก เป็นกลุ่ม ก็ทำการเก็บทําลาย 
  2. การใช้สารเคมี มักไม่ค่อยมีปัญหา เพราะหนอนอ่อนแอต่อสารเคมี ป้องกันและกําจัดแมลงโดยใช้สารเคมีกลุ่ม เมธามิโดฟอสหรือโมโนโครฟอส และหยุดใช้สารเคมีก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน

2. หนอนใยผัก

ตัวเต็มวัยของหนอนใยผักเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กประมาณ 6-7 มม. มีสีเทาส่วนหลัง มีแถบสีเหลืองส้ม ตัวเต็มวัยมีอายุ 5-7 วัน สามารถวางไข่ได้หลายคครั้ง วางไข่ได้สูง โดยเพศเมียวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ประมาณ 2-10 ฟอง วางทั้งบนและใต้ใบพืชตัวเต็มวัยเพศเมียตัวหนึ่งๆ วางไข่ได้ประมาณ 47-407 ฟอง ไข่มีสีเหลืองอ่อนเป็นมัน ระยะไข่ 3-4 วัน หนอนเมื่อฟักออกจากไข่ใหม่ๆ จะอาศัยกัดกินอยู่ภายในใบ หลังจากนั้น จะออกมากัดกินภายนอกทําให้ผักเป็นรูพรุน หนอนมีลักษณะ หัวแหลม ท้ายแหลม ลําตัวเรียวยาว ส่วนท้ายมีปุ่มยื่นเป็น 2 แถว หนอนมีสีเขียวอ่อนเทาหรือเขียวปนเหลือง เมื่อถูกตัวจะดิ้นอย่างรุนแรงและทิ้งตัวลงก่อนโดยการสร้างใย

การป้องกันกําจัด

  1. ใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัสทรูรินเจนซิส (บีที) ฉีดพ่นใบเวลาบ่ายหรือเวลาเช้า
  2. ใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง เพื่อจับตัวเต็มวัยของหนอนใยผัก
  3. เลือกช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม เนื่องจากหนอนใยผักจะระบาดในช่วงฤดูแล้ง ส่วนในช่วงฤดู ฝนทําลายเพียงเล็กน้อย
  4. การใช้สารเคมีป้องกันกําจัดแมลง แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาแมลงดื้อต่อสารเคมี และพิษตกค้างต่อสิ่งแวดล้อม

3. ด้วงหมัดผัก

ด้วงหมัดผัก มี 2 ชนิด คือชนิดมีแถบสีน้ำตาลอ่อนพาด 2 แถว (ชนิดลาย) และชนิดสีน้ำเงินเข้ม ลักษณะการทําลายด้วงหมัดผักเต็มวัยจะกัดกินใบจนรูพรุน และตัวอ่อนอาศัยอยู่ในดินเข้ากัดกินส่วนของรากและชอนไชกัดกินโคนต้น ทําให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตต้นเหี่ยวเฉา

การป้องกันกําจัด

  1. ไถตากหน้าดินในฤดูแล้ง เพื่อทําลายตัวอ่อนหรือดักแด้ในดิน
  2. ใช้ยาฆ่าแมลงพวก เซพวิน 85% 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
  3. หมุนเวียนชนิดผัก ควรหยุดช่วงการปลูกผักตระกูลกะหล่ำและหาผักชนิดอื่นมาปลูกสลับบ้าง
ผักกาดเขียวปลี
ผักกาดเขียวปลี ใบสีเขียวอ่อนจนถึงสีเขียวเข้ม

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
https://www.flickr.com

Add a Comment