ใบแมงดา
ชื่ออื่นๆ : ชะมัง แมงดาต้น
ต้นกำเนิด :
ชื่อสามัญ : ทำมัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Litsea petiolata Hook
ชื่อวงศ์ : LAURACEAE
ลักษณะของใบแมงดา
ทำมัง เป็นไม้ป่ายืนต้นขนาดกลาง แผ่กิ่งก้านออกเป็นทรงพุ่ม สูงประมาณ 20-30
เมตร ไม่ผลัดใบ เจริญเติบโตช้า เปลือกลำต้นสีน้ำตาลจนถึงเทา ใบ เดี่ยวรูปไข่
ยาวรี ปลายใบทู่จนถึงแหลม กว้าง 3-9 ซม.ยาว 6-20 ซม. ก้านใบเรียวยาว 1-2.5
ซม. แผ่นใบบางเป็นมัน มีเส้นแขนงใบ 4-12 คู่ มองเห็นชัดเจนจากด้านท้องใบบน
ใบมีต่อมน้ำมัน และมีกลิ่นฉุนเหมือนกลิ่นแมงดา ใบแก่ จะมีกลิ่นแรงมากกว่าใบ
อ่อน ดอก ออกเป็นช่อมีขนาดเล็กมาก ออกที่ซอกใบปลายกิ่ง ผล มีรูปไข่ยาว
1 ซม. เมื่อผลแก่มีสีน้ำตาลแดง ภายในผลมีเมล็ด เพียงเมล็ดเดียว
การขยายพันธุ์ของใบแมงดา
ใช้เมล็ด/-
ธาตุอาหารหลักที่ใบแมงดาต้องการ
ประโยชน์ของใบแมงดา
ยอดอ่อน ใบเพสลาด กินเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือ ใส่ในแกงเผ็ด ใบแก่ นำมาย่าง
ไฟ แล้วตำผสมลงในน้ำพริก จะได้น้ำพริกกลิ่นแมงดา ไม้ทำมัง นำมาทำเป็นสาก
ตำน้ำพริกจะช่วยให้น้ำพริกมีกลิ่นแมงดาอ่อนๆ และนอกจากนั้น คนไทยถิ่นใต้ใน
สมัยก่อน นิยมปลูกทำมัง ไว้ตามบ้านเรือน เพราะถือว่าเป็นไม้มงคล
สรรพคุณทางยาของใบแมงดา
–
คุณค่าทางโภชนาการของใบแมงดา
การแปรรูปของใบแมงดา
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11776&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com
One Comment