ไผ่ซางทอง
ชื่ออื่นๆ : ไผ่สีทอง, ไผ่เหลืองทอง, ไผ่เหลือง
ต้นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชื่อสามัญ : GramineaeYellow running bamboo, Moso bamboo
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllostachys sulphurea (Carr.)
ชื่อวงศ์ : Gramineae
ลักษณะของไผ่ซางทอง
พืชล้มลุกอายุหลายปี เป็นไม้พุ่มเป็นกอ ลำต้นตั้งตรง กลม เป็นทรงกระบอก
กลวง ขนาด 5-8 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง สีเหลืองมีเส้นแถบสีเขียวอ่อนตามยาวบ้าง ไม่มีหนาม เนื้อเเข็ง มีช้อปล้อง
ชัดเจน แต่ละปล้องยาว 30-40 เซนติเมตร มีเหง้าใต้ดิน
การขยายพันธุ์ของไผ่ซางทอง
1. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน โบราณนิยมปลูกบริเวณรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30
เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา 1:2 ผสมดินปลูกและใช้ฟูราดาอัตรา 50-100 กรัม/ต้นรองก้นหลุมเพื่อ
ป้องกันหนอนและด้วง
2. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารบ้านเรือน นิยมใช้เป็ฯไม้ประดับภายนอก ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด
18-24 นิ้วใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา1:1 ผสมดินปลูกและควรเปลี่ยนกระถาง 1-2 ปี/ครั้งหรือแล้วแต่ความ
เหมาt สมของทรงต้น เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อม
ภาพไป สำหรับการปลูกในกระถาง ควรเลือกพันธุ์ขนาดเล็กและเหมาะสม เช่น ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า
ธาตุอาหารหลักที่ไผ่ซางทองต้องการ
ประโยชน์ของไผ่ซางทอง
ไผ่ประดับที่นิยมปลูกตามบ้านเรือน รวมถึงนิยมปลูกประดับเพื่อตกแต่งสวน ตกแต่งร้าน ส่วนหน่อใช้ประกอบอาหาร
สรรพคุณทางยาของไผ่ซางทอง
ในทางสมุนไพรคนไทยสมัยก่อนนิยมนำไผ่สีทองมาต้มน้ำดื่ม เพื่อช่วยลดไข้ช่วยละลายเสมหะ รักษาโรคบิด ช่วยขับปัสสาวะ
คุณค่าทางโภชนาการของไผ่ซางทอง
การแปรรูปของไผ่ซางทอง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9616&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com