กระถินเทศ
ชื่ออื่นๆ : กระถิน (ภาคกลาง), กระถินเทศ กระถินหอม คำใต้ ดอกคำใต้ (ภาคเหนือ), เกากรึนอง (กาญจนบุรี), ถิน (ภาคใต้), บุหงาเซียม(มลายู-ภาคใต้), บุหงาละสะมะนา (ปัตตานี), บุหงาอินโดนีเซีย(กรุงเทพฯ), มอนคำ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน)
ต้นกำเนิด : อเมริกากลางและอเมริกาใต้
ชื่อสามัญ : Sponge Tree, Cassie Flower, Sweet Acacia
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acacia farnesiana (L.) Willd.
ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE
ลักษณะของกระถินเทศ
ต้น : ไม้ยืนต้นทรงพุ่ม มีอายุหลายปี สูงได้ถึง 8 ม. หูใบเป็นหนาม ยาว 3–5 ซม.
ใบ : เป็นประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ โคนก้านใบมีหู ใบแปลงรูปเป็นหนามแหลมตรงละแข็ง 1 คู่
ดอก : เป็นแบบช่อกระจุกแน่น ตามง่ามใบ แต่ละช่อประกอบด้วยดอกเล็กๆจำนวนมาก มีสีเหลืองกลิ่นหอม จะออกดอกเมื่ออายุประมาณ 3 ปีขึ้นไป ออกราวเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม
ผลหรือฝัก : รูปทรงกระบอกขนาดเท่านิ้วมือ ลักษณะโค้งเล็กน้อย เมื่อฝักแก่ไม่แตก ภายในมีเมล็ดเรียงกัน 2 แถว ประมาณ 15 เมล็ด รับประทานได้

การขยายพันธุ์ของกระถินเทศ
การเพาะเมล็ด ชอบพื้นที่สูงหรือพื้นที่เชิงเขา พบมากทางภาคเหนือ
ธาตุอาหารหลักที่กระถินเทศต้องการ
ประโยชน์ของกระถินเทศ
- เมล็ดงอก กินได้เป็นผัก
- ใบ มีรสเปรี้ยวสามารถใช้แทนมะขาม
- ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อเป็นรั้วป้องกันสัตว์หรือคนได้
- ฝัก นำมาใช้เป็นสีย้อมแบบการใช้น้ำฝาดและทำหมึก
- น้ำมันดอกกระถินเทศ ใช้แต่งกลิ่นอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน และลูกกวาด แต่ต้องใช้ในปริมาณต่ำ

สรรพคุณทางยาของกระถินเทศ
- เปลือก เป็นยาฝาดสมาน แก้ไอ และริดสีดวงทวาร
- ราก ใช้แก้โรคไขข้ออักเสบ ทำให้อาเจียน ใช้พอกแก้บวม
- ต้มรวมกับขิง ใช้อมบ้วนปากแก้เหงือกอักเสบและมีเลือดออก
- ดอก ใช้เป็นยาแก้เกร็งและเป็นยาฆ่าแมลง
- ใบ ใช้เป็นยาพอกแผล
- ยางที่ได้จากลำต้นมีคุณภาพดีนำมาใช้ทางด้านเภสัชกรรมเป็นสารแขวนลอย
คุณค่าทางโภชนาการของกระถิน
การแปรรูปของกระถินเทศ
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=10175&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com