การปลูกบอนสี ราชินีแห่งไม้ใบ

บอนสี เป็นไม้ใบที่มีสีสันและ ลายใบสวยงาม ตลอดจนขนาดรูปใบแตกต่างมากจนได้รับการขนานนามว่า “ราชินีแห่งไม้ใบ”  การปลูกเลี้ยงบอนสีนั้นดูแลยากต้องการการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดโดยแท้จริง การปลูกเลี้ยงบอนสีไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าเป็นการปลูกเลี้ยงบอนสีจากหัวพันธุ์จะสามารถเจริญเติบโตออกจากหัวพันธุ์ เป็นต้นไม้ประดับที่สวยงามและแข็งแรงได้

สำหรับการผลิตต้นบอนสีเป็นไม้กระถางเพื่อการค้า แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ 

1.การขยายพันธุ์โดยวิธีการผ่าหัว นำหัวจากต้นที่สมบูรณ์อายุ 6 เดือน ล้างทำความสะอาด ตัดรากเก่าออก นำหัวผึ่งในที่ร่ม 20 นาที การผ่าหัวควรหามีดที่คมบางสะอาด ผ่าหัวจากด้านบนลงมาด้านล่างเป็นชิ้นบาง ทอนเป็นชิ้นสั้นไม่เกิน 1 ซม. นำมาใส่ในภาชนะที่มีน้ำ ห้ามใช้มือล้างหัวบอนกับน้ำจะทำให้คัน ควรใช้ไม้เล็กคนเบา ๆ เทน้ำทิ้ง 2-3 ครั้งให้หมดยาง นำชิ้นเนื้อบอนที่ผ่าแช่ยากำจัดเชื้อรา 10 นาที นำขึ้นมาผึ่งลมบนกระดาษหนังสือพิมพ์ นำทรายหยาบล้างน้ำให้สะอาดจนได้น้ำใสนำทรายมาใส่ในภาชนะพลาสติกหลังจากนั้นคลุมปากภาชนะด้วยพลาสติกใส วางในที่ร่มนานประมาณ 3 สัปดาห์ชิ้นบอนจะเริ่มงอก หลังจากนั้น 1 สัปดาห์จึงจะเริ่มมีใบ 1 ใบ ให้นำต้นกล้าย้ายปลูกลงกระถางพลาสติกขนาด 3-4 นิ้ว

2.การปลูกบอนสีเป็นไม้กระถาง ดินปลูกต้องเป็นดินร่วนซุยผสมใบไม้ผุ เช่นใบทองหลาง ใบก้ามปู นำดินมาตากให้แห้ง นำต้นกล้าย้ายปลูกลงกระถางพลาสติก ขนาด 3-4 นิ้ว ที่บรรจุดินปลูกกดดินให้แน่นนำกระถางแช่น้ำให้ชุ่มนำมาวางไว้ในตู้บอนซึ่งมีน้ำ วางตู้บอนที่แสงรำไร 50-70 เปอร์เซ็นต์ ตู้บอนสีควรมีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร สูง 50 ซม. และมีหลังคาจั่ว สูง 30 ซม. โครงตู้ทำจากวัสดุ เช่น ไม้, เหล็ก, ท่อพลาสติกแล้วกรุด้วยพลาสติกใส ประโยชน์ของตู้บอนคือเก็บรักษาความชุ่มชื้นทำให้ต้นบอนสีเจริญเติบโตได้ดี ง่ายต่อการดูแลรักษาต้นบอนสีภายใน 2 เดือน สามารถจำหน่ายเป็นไม้กระถางได้

บอนสี
บอนสี ปลูกในกระถาง

การขยายพันธุ์

ส่วนหัวบอนสีเพื่อการส่งออกควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหัวตั้งแต่ 2 ซม.ขึ้นไปจึงจำเป็นที่จะต้องปลูกบอนสีลงดินนาน 7 เดือน เพื่อจะได้หัวที่มีขนาดใหญ่ โดยแบ่งขั้นตอนเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้

1. การเตรียมพื้นที่ปลูก ควรเตรียมในช่วงเดือนเมษายน เป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ดินมีค่าความเป็นกรด-ด่าง 6.5-7.0 การเตรียมพื้นที่ควรเก็บซากพืชในแปลงเผาทิ้ง ไถดินตากดินนาน 30 วัน ไถและคราดเก็บวัชพืชออกจากแปลงใช้ยูเรีย ผสมปูนขาวอัตราส่วน 1 : 10 ปริมาณ 880 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ลงดินก่อนไถครั้งที่ 2 แล้วจึงไถพรวนยกแปลงสูง 30 ซม. กว้าง 1.2 เมตร เว้นช่องทางเดิน 0.5 เมตร ย่อยหน้าดินพร้อมผสมใบไม้ผุหรือแกลบดิบเก่า กำหนดระยะปลูก 30 x 30 ซม. จำนวนต้นพันธุ์ประมาณ 10,000 ต้นต่อไร่

2. การปลูกลงแปลงในช่วงเดือนพฤษภาคม กรณีที่หัวบอนสีมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 นิ้วเป็นต้นไป สามารถนำหัวมาผ่าเป็น 4-6 ชิ้นล้างน้ำแล้วแช่น้ำยาฆ่าเชื้อรา ลงปลูกในแปลงได้เลย แต่กรณีที่หัวบอนสีมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2 ซม. ให้นำหัวบอนผ่าแล้วปลูกเลี้ยงให้ได้ต้นพันธุ์ มีอายุประมาณ 2.5 เดือน จึงนำ ต้นกล้ามาปลูก ให้หลุมปลูกที่รองก้นหลุมปลูกด้วยฟูราดาน กดดินให้แน่น บริเวณโคนต้น ใช้ฟางแห้งคลุมหน้าดินในระยะปลูกใหม่ควรให้น้ำเช้าเย็น จนบอนสีเจริญเติบโตได้ดี หลังจากปลูกแล้ว 1 เดือน (เดือนมิ.ย.) ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ ใส่โคนต้น อย่าให้ถูกต้นจะทำให้ต้นไหม้ หลังจากนั้นเดือนถัดไปใส่ปุ๋ยสูตร 13-21-21 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ เดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 3 ครั้ง (เดือน ก.ค.,ส.ค.,ก.ย.) หลังจากนั้น (เดือน ต.ค.) ไม่ต้องใส่ปุ๋ย เนื่องจากต้นบอนสีเริ่มพักตัว

ในช่วงเดือนต.ค. เริ่มเข้าฤดูหนาว ต้นบอนสีจะเริ่มพักตัว โดยจะค่อย ๆ ทิ้งใบใบจะเหลืองจนไม่มีใบเหลือ ช่วงนั้นต้นบอนสีจะเข้าสู่การพักตัวควรงดการให้น้ำและขุดหัวมาล้างทำความสะอาด ชุบด้วยสารเคมีป้องกันเชื้อรา ผึ่งในที่ร่ม ให้แห้งแล้วจึงนำเก็บไว้ในตะกร้า เพื่อรอการจำหน่ายต่อไป

การจำหน่ายหัวบอนสีส่วนใหญ่จะส่งออกไปต่างประเทศ ต้นบอนสีที่งอกจากหัวบอนสีจะทำให้ต้นแข็งแรงสามารถปลูกเป็นไม้กระถางและง่ายต่อการดูแลรักษาได้ง่าย

บอนสี
บอนสี ใบสีเขียว ชมพู

การดูแลรักษา

  • แสง  บอนสีเป็นพืชที่ต้องการแสง เพื่อสร้างเม็ดสี แต่แสงจะต้องมีวัสดุมาพรางไว้ประมาณ 50 %
  • อุณหภูมิ  ประมาณ 18 – 24 °C
  • ความชื้น  บอนสีชอบความร้อนชื้น ต้องการความชื้นสูง ถ้าอากาศแห้งแล้ง ควรฉีดพ่นน้ำให้ที่ใบบ่อยๆ
  • น้ำ  ต้องการน้ำมากไม่ถึงกับแฉะ ควรรดน้ำให้พอดีและสม่ำเสมอ

สูตรผสมดินปลูกบอนสีในกระถาง

  1. ดินร่วน 6 ส่วน
  2. ทราย 4 ส่วน
  3. ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
  4. ใบมะขามผุ 1 ส่วน

ปุ๋ย  ใช้ปุ๋ยคอกละลายน้ำรด แต่อย่าให้เข้มข้นมาก เพราะจะทำให้สีไม่สวย

ดอกบอนสี
ดอกบอนสี มีเกสรเป็นแท่งยาวโผล่ออกมา ดอกมีสีขาว

โรคและแมลง

เชื้อรา (Fungi) เชื้อราเป็นเชื้อราที่สามารถเข้าทำลายเกือบทุกส่วนของพืชเชื้อจะแพร่กระจายไปได้ทั้งทางดินและน้ำ ส่วนของพืชที่เป็นโรคจากเชื้อราจะสามารถมองเห็นได้ชัดในพืชที่กกลังงอกหรือเล็กอยู่ โดยพืชจะมีอาการอ่อนแอและล้มลงอย่างรวดเร็ว ใบจะร่วง รากเน่าและส่วนที่อยู่เหนือดินขึ้นมาจะเป็นจุดลาย มีสีต่าง ๆ โดยเฉพาะสีน้ำตาลหรือสีเทา

เพลี้ยอ่อน (Aphide) เพลี้ยอ่อนจะทำลายใบ ลำต้น และดอก โดยการดูดน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์ ส่วนที่ถูกทำลายจะบิดงอ ผิดรูปผิดร่างไป เพลี้ยอ่อนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นในสภาวะแวดล้อมที่อบอุ่น

การป้องกันโรคและแมลง

ช้ยากำจัดเชื้อราจำพวกแคปแทน (captan) หรือมาแนบ (maneb) รด ส่วนเพลี้ยอ่อนใช้ยามาลาไธออน (malathion) หรือไดอาซินอน (diazinon) ฉีดพ่นก็ได้

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : https ://th.wikipedia.org
ภาพประกอบ : https://www.flickr.com

Add a Comment