ขิงแดง
ชื่ออื่นๆ : ขิงแกลง, ขิงแดง (จันทบุรี) ขิงเผือก (เชียงใหม่) สะเอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ต้นกำเนิด : หมู่เกาะแปซิฟิกใต้
ชื่อสามัญ : Red Ginger, Pink cone ginger, Ostrich plume
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Alpinia purpurata (Vieill.) K.Schum.
ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE
ลักษณะของขิงแดง
ต้น ไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า ลำต้นเหนือดินสูง 0.5-1.4 เมตร
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว รูปใบหอกแคบ ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนสอบ ขอบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย มีใบ 13-26 ใบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเป็นมัน เห็นเส้นใบชัดเจน ก้านแผ่นเป็นกาบ
ดอก ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกดอกที่ปลายยอด ขนาดเล็ก ใบประดับสีแดงซ้อนกันหลายชั้น ดอกรูปกรวย ออกจากซอกกาบรองดอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

การขยายพันธุ์ของขิงแดง
การแยกหน่อ
การปลูก ชอบดินที่ระบายน้ำดี ชอบน้ำมาก ทนน้ำท่วมขังได้ดี แสงแดดเต็มวันหรือครึ่งวัน
ธาตุอาหารหลักที่ขิงแดงต้องการ
ประโยชน์ของขิงแดง
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อความสวยงาม นำไปปักแจกันในอุณหภูมิปกติ อยู่ได้นาน 4-5 วัน เหมาะปลูกมุมอาคาร บังกำแพง ริมลำธาร น้ำตก ปลูกริมถนน ทางเดิน สระว่ายน้ำ ริมทะเล

สรรพคุณทางยาของขิงแดง
- เหง้า ขับลม แก้ท้องเสีย แก้ธาตุพิการ ช่วยย่อยอาหาร
- ราก แก้กามตายด้าน บำรุงกำหนัด
คุณค่าทางโภชนาการของขิงแดง
การแปรรูปของขิงแดง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11584&SystemType=BEDO
https://www.flickr.com