การปลูกและการขยายพันธุ์ ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata Wall. ex Nees  เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถนำไปใช้กว้างขวางมาก จากเหตุผลที่ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ระงับการติดเชื้อหรือระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้ วันนี้เรามีวิธีการปลูกและขยายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรมาฝากกันค่ะ

ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร ใบเกลี้ยง แคบ โคนและปลายใบแหลม

การขยายพันธุ์

การเตรียมการก่อนปลูก

  • การเตรียมดิน 1) ขุดหรือไถพรวนเพื่อให้ดินร่วนซุย 2) หากวัชพืชมีไม่มากให้ทำการไถพรวนครั้งเดียว ถ้ามีมากให้ไถพรวน 2 ครั้ง คือ ไถดะ เปิดหน้าดิน และตาก ดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงไถแปร ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก
  • การเตรียมพันธุ์ 1) ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใช้เมล็ดจากฝักแก่จัด เมล็ดต้องมีสีน้ำตาลแดง ลักษณะสมบูรณ์ปราศจากโรคและ แมลง 2) เนื่องจากเมล็ดมีเปลือกแข็ง ก่อนปลูกแช่เมล็ดในน้ำที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้น้าซึม ผ่านเมล็ดและเมล็ดสามารถงอกได้

การปลูก

ฟ้าทะลายโจรสามารถปลูกได้หลายวิธี ดังนี้

  •  การปลูกแบบหว่าน นาเมล็ดมาผสมทรายหยาบ อัตรา 1:1-2 ใช้เมล็ด 100-400 เมล็ดต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร วิธีนี้เกษตรกรนิยมแต่มีข้อจำกัด คือทาให้สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมีราคาสูง
  • การปลูกแบบโรยเมล็ดเป็นแถว ขุดร่องตื้นๆเป็นแถวยาว โรยเมล็ดและกลบดินบางๆ ระยะปลูกระหว่างแถว ประมาณ 40 เซนติเมตร ใช้เมล็ดประมาณ 50-100 เมล็ดต่อความยาว 1 เมตร วิธีนี้ทาให้สามารถกำจัดวัชพืชซึ่งเป็น ปัญหาสำคัญได้สะดวก
  • การปลูกโดยใช้กล้า มีขั้นตอนดังนี้ 1). เพาะกล้าในถาดเพาะกล้า หรือเตรียมแปลงเพาะโดยยกแปลงกว้าง 1 เมตร สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองพื้น ½-1 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร 2) การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ลึกประมาณ 8-12 เซนติเมตร เป็นแถว ให้มี ระยะปลูกระหว่างต้น 20-30 เซนติเมตร และระหว่างแถว 40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมประมาณ 125 กรัมต่อ หลุม และคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน 3) ย้ายกล้าปลูก เมื่อกล้ามีอายุประมาณ 30 วัน ก่อนย้ายกล้า รดน้ำแปลงให้ชุ่ม แล้วจึงใช้ช้อนขุดหรือเสียม แซะกล้าไปปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม หลังปลูกรดน้ำทันที

การดูแลรักษา

  • การคลุมแปลง : โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกเป็นที่โล่งแจ้ง ลมพัดแรงจัด แดดจัด ฝนตกชุก ควรคลุมแปลงด้วยฟาง หรือใบหญ้าคาบางๆ เพื่อลดการชะล้างของน้า ความชื้น ทาให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น
  • การปลูกซ่อม : หลังจากปลูกแล้วประมาณ 7-15 วัน ถ้าพบว่าต้นกล้าที่ปลูกตายหรือไม่งอก ควรปลูกซ่อมทันที
  • การถอนแยก : หลักจากปลูกแล้วประมาณ 30-45 วัน ถ้าพบว่าต้นกล้าที่ขึ้นแน่นมากเกินไป ให้ทำการถอน แยกไปปลูกในแปลงอื่น
  • การใส่ปุ๋ย : 1) แบ่งใส่เป็นระยะ ดังนี้ – อายุ 60 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 125 กรัมต่อต้น หรือ 300-400 กรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร – อายุ 90-110 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 300-500 กรัม ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร

วิธีการใส่ปุ๋ย

  •  แบบหว่าน ต้องหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ หลังหว่านแล้วต้องรดน้ำทันที อย่าให้ปุ๋ยค้างที่ใบ – แบบโรยหรือหว่านเป็นแถว ตามแนวขนานระหว่างแถวปลูกห่างจากแถวปลูกประมาณ 10-15 เซนติเมตร โดยขุดเป็นร่อง ใส่ปุ๋ยพรวนดินกลบ เหมาะกับการปลูกแบบโรยเป็นแถว
  • แบบหยอดโคน ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นประมาณ 10 เซนติเมตร โดยขุดหลุมฝังกลบดินหรือโรยรอบๆโคนต้นแล้วพรวนดินกลบก็ได้ เหมาะกับการปลูกแบบมีระยะปลูก
  • การให้น้า : ระยะ 30-60 วันแรกหลังจากปลูก ถ้าแดดจัด ควรให้น้าวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ถ้าแดดไม่จัดควรให้น้าวันละครั้ง หลังจากอายุ 60 วันไปแล้วอาจให้น้าวันเว้นวันก็ได้ หรือให้ตามความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่และสภาพอากาศ

โรคและศัตรูพืชที่สำคัญ

  • วัชพืช : ควรกำจัดโดยการถอนโดยเฉพาะในระยะแรกปลูกถึง 2 เดือน กำจัดวัชพืชทุกครึ่งเดือนจนกระทั้งฟ้าทะลายโจรเจริญคลุมแปล
  • โรค : ไม่พบโรคที่ทาความเสียหายรุนแรง เพียงแต่ทาความเสียหายเล็กน้อย ได้แก่ โรคโคนเน่าและรากเน่าจากเชื้อราหากพบให้ถอนทำลายทันที โรคแอนเทรคโนส พบตรงกลางหรือปลายใบ หากพบให้ตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้ง
  • แมลง : ไม่พบแมลงชนิดใดที่ทาความเสียหายรุนแรง

การปฏิบัติก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว

  •  เก็บเกี่ยวในช่วงที่พืชออกดอกตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบาน 50% เป็นช่วงที่มีสารสำคัญสูง โดยพบมาที่ส่วนยอดและใบ วิธีการเก็บเกี่ยวให้ตัดทั้งต้นให้เหลือตอสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อให้เจริญให้ผลผลิตต่อไป ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง
  • การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว นำไปคัดแยกสิ่งปนปลอม เช่นวัชพืชที่ปะปนมา และล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ผึ่งให้แห้ง ทาแห้งโดย ตากแดดบนลานตากยกพื้นมีวัสดุรองรับที่สะอาด หรือใช้เครื่องอบแห้งแบบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสใน 8 ชั่วโมงแรก และลดอุณหภูมิเหลือ 40-45 องศาเซลเซียส อบต่อจนแห้งสนิท

สารสำคัญออกฤทธิ์

  • มีสารสำคัญประเภท ไดเทอร์ฟีน แลคโตน (diterpene lactones) ได้แก่ แอนโดรการโฟไลด์ (andrographolide) มีฤทธิ์ลดไข้ และต้านอักเสบ และ ดีออกซี แอนโดรการโฟไลด์ (deoxyandrographolide) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของท้องร่วง มาตรฐานของฟ้าทะลายโจรที่ใช้ในการผลิตยาจะต้องมี andrographolide ไม่น้อยกว่า 6% โดยน้ำหนัก
ยาฟ้าทะลายโจร
ยาฟ้าทะลายโจรชนิดเม็ด

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://agknowledge.arda.or.th

Add a Comment