ชะมวงป่า
ชื่ออื่นๆ : ชะมวงกา (นราธิวาส) กานิฮูแต (มลายู-นราธิวาส) หมากโมง (อุดรธานี) กะมวง (ใต้) ส้มมวง, ส้มโมง (นครศรีธรรมราช)
ต้นกำเนิด : พบในป่าดิบชื้นที่ลุ่มต่ำ และในป่าพรุทางภาคใต้
ชื่อสามัญ : Cambogia crassifolia Blanco
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia bancana (Miq.)
ชื่อวงศ์ : GUTTIFERAE
ลักษณะของชะมวงป่า
ต้น เป็นไม้ต้น ลำต้น สูง 15-20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทรงสูง เปลือกเรียบ สีน้ำตาลเข้มแกมดำเปลือกชั้นในสีชมพูอมม่วง ยางสีเหลืองขุ่น
ใบ รูปไข่กลับแกมรูปขนาน ขนาด 5-12 x 15-27 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยง ปลายใบมนกว้างเป็นติ่ง สอบแคบจากกลางใบถึงโคนใบ และเป็นกลีบเล็กลงมาถึงปลายก้านใบ ก้านใบยาว 1.5-3.0 เซนติเมตร
ดอก ออกตามกิ่งเป็นกระจุก กระจุก 5-25 ดอกสีขาวนวล เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร
ผล ค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีเหลือง น้ำ มียางสีเหลือง เมล็ดแบนรีสีน้ำตาล ช่วงการออกดอกและติดผล ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน


การขยายพันธุ์ของชะมวงป่า
การใช้เมล็ด
ธาตุอาหารหลักที่ชะมวงป่าต้องการ
ประโยชน์ของชะมวงป่า
- ใบอ่อนและผลอ่อน มีรสเปรี้ยวรับประทานได้
- เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
- เปลือกต้น และยาง มีสีเหลือง ใช้ย้อมผ้า
สรรพคุณทางยาของชะมวงป่า
-
แก่น ฝนหรือแช่น้ำดื่ม แก้อาการเหน็บชา
-
ใบหรือผล รสเปรี้ยว เป็นยาระบาย แก้ไข้ กระหายน้ำ กัดฟอกเสมหะ แก้ธาตุพิการ
-
ราก มีรสเปรี้ยว แก้ไข้ตัวร้อน แก้บิด แก้เสมหะ
-
ใบ มีรสเปรี้ยว ปรุงเป็นยากัดฟอกเสมหะ และโลหิต แก้ไอ ผสมกับยาชนิดอื่นๆปรุงเป็นยาขับเลือดเสีย
-
ใบและดอก เป็นยาระบายท้อง แก้ไข้ กัดฟอกเสมหะ รักษาธาตุพิการ
-
ผล หั่นเป็นแว่นตากแห้ง ใช้กินเป็นยาแก้บิด
คุณค่าทางโภชนาการของชะมวงป่า
การแปรรูปของชะมวงป่า
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th
http://srdi.yru.ac.th
https://www.youtube.com
https://www.flickr.com