แสยก
ชื่ออื่นๆ : กะแหยก, มหาประสาน, ย่าง, แสยกสามสี (กลาง) เคียะไก่ให้ (เหนือ) นางกวัก (กทม. แม่ฮ่องสอน) ว่านสลี (แม่ฮ่องสอน), แสยกใบหยิก
ต้นกำเนิด : อเมริกากลาง
ชื่อสามัญ : Slipper flower
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Euphorbia tithymaloides L.
ชื่อพ้อง : Crepidaria carinata (Donn) Haw., Crepidaria myrtifolia (L.) Haw., Crepidaria subcarinata Haw., Euphorbia tithymaloides var. myrtifolia L., Pedilanthus campester Brandegee
ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE
ลักษณะของแสยก
ต้นแสยก ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 40-100 ซม. ลำต้นอ้วนสั้น หักงอไปมาทำให้เป็นรูปซิกแซก สีเขียว ผิวเรียบ มีน้ำยางมาก
ใบแสยก ใบเดี่ยวเรียงสลับในระนาบเดียว หูใบเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 มม. แผ่นใบรูปไข่หรือณุปไข่ยาว กว้าง 2.5-5.0 ซม. ยาว 3.5-8.0 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม มีขนสั้นนุ่ม
ดอกแสยก ดอกออกเป็นช่อตามลำต้น ที่ยอดและตามกิ่งแขนงสั้น ๆ ใกล้ยอด ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน มีขน ช่อดอกยาว 1.0-2.5 ซม. ใบประดับด้านนอกมีขนสั้นปกคลุมหนาแน่น ดอกรูปเรือสีแดงเข้มหรือม่วงแดง 5 กลีบ เรียงเป็นชั้น ระยะติดดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม


การขยายพันธุ์ของแสยก
การปักชำ, การแยกต้น
ธาตุอาหารหลักที่แสยกต้องการ
ปลูกได้ดีทั้งในที่มีแสงแดดจัด และร่มรำไร
ประโยชน์ของแสยก
- ปลูกเป็นไม้ประดับ
- ปลูกเป็นรั้วกั้นต้นไม้ ทำรั้วกันทางเดินในบริเวณบ้าน
สรรพคุณของแสยก
- ยาง น้ำยางต้นรสร้อนเมา ใช้กัดหูด ทาผิวหนังแก้เกลื้อน แมงป่องต่อย ตะขาบกัด แต่ถ้ากินจะทำให้อาเจียน
- ทั้งต้น รสเมาเบื่อเอียน สมานแผล ห้ามเลือดได้ดี ทาผิวหนังแก้โรคกลาก เกลื้อน พิษแมลงป่องต่อย ตะขาบกัดต่อย ถ้าทุบใส่บ่อปลาๆ จะตายหมด
คุณค่าทางโภชนาการของแสยก
การแปรรูปแสยก
สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับการเกษตร เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.rpplant.royalparkrajapruek.org, www.srdi.yru.ac.th
ภาพประกอบ : www.flickr.com
บทความใหม่ สิงหาคม