กล้วย กับการกินให้ได้ประโยชน์

กล้วย

กล้วยมีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมปลูกแพร่หลายและคนไทยส่วนใหญ่นิยมรับประทานประกอบด้วย กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว กล้วยไข่ กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง ส่วนที่เป็นสายพันธุ์พื้นบ้าน ประกอบด้วย กล้วยนิ้วมือนาง กล้วยนางพญา กล้วยนาค กล้วยหิน กล้วยงาช้าง และกล้วยเทพรส เป็นต้น

กล้วย พืชไม่มีเนื้อไม้อายุหลายปี มีเหง้า ยอดใหม่เจริญขึ้นเหนือดิน เรียกว่า ลำต้นเทียม ใบเดี่ยว เรียงเวียน แผ่นใบขนาดใหญ่รูปขอบขนาน ช่อดอกออกเพียงช่อเดียวต่อหนึ่งลำต้นเทียม เป็นช่อเชิงลดประกอบ ดอกมีประมาณ 5-15 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 12-20 ดอก เรียงเป็นสองแถวอยู่ภายใต้ใบประดับรูปไข่ปลายแหลมสีแดง ดอกเพศผู้อยู่ที่ปลายช่อ เรียกว่า “ปลี” กลางช่อบางครั้งเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกเพศเมียที่โคนช่อเจริญเป็นผลได้โดยไม่มีการผสม รังไข่ใต้วงกลีบ ผลแบบกล้วย ไม่มีเมล็ด ผลแต่ละกลุ่มเรียกว่า “หวี” ผลทั้งช่อเรียกว่า “เครือ”

กล้วย
กล้วย ออกผลเป็นกลุ่ม เรียกว่า หวี

กล้วยรับประทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

กล้วย หากรับประทานบ่อยครั้ง สามารถเสริมวิตามิน ซึ่งดีต่อร่างกาย กล้วย แม้ว่าจะเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่หาได้ทั่วไป และหลายคนก็ชอบรับประทาน เมื่อพูดถึงกล้วย หลายคนอาจรู้ว่าการกินกล้วย จะส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก และดีต่อลำไส้และกระเพาะอาหาร

การรับประทานกล้วยจำนวนมาก มีผลให้ความชุ่มชื้นตามปกติ ซึ่งสามารถปกป้องกระเพาะ และลำไส้ได้ นอกจากนี้ กล้วยยังอุดมไปด้วยวิตามิน ซึ่งสามารถเสริมสารอาหารบางอย่าง ที่ร่างกายมนุษย์ต้องการได้ กล้วยยังมีในปริมาณน้ำตาลที่พอเหมาะ และยังช่วยในการนอนหลับ ถ้านอนไม่ค่อยหลับ ควรกินกล้วยก่อนนอน  ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ และคุณภาพการนอนดีขึ้น คนที่ขาดธาตุเหล็กในเลือด มักจะกินกล้วย ซึ่งยังสามารถส่งเสริมการผลิต ของฮีโมโกลบิน ในร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างเม็ดเลือด

กล้วยมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ราคาถูกแล้วดีต่อร่างกาย และมีข้อห้ามในการกินกล้วยเช่นกัน

  • ประการแรก ไม่ควรกินกล้วยในขณะท้องว่าง บางทีหลายคนอาจกินกล้วยเป็นอันดับแรก เมื่อรับประทานอาหารเช้า เพื่อปรับสมดุลทางโภชนาการโดยทันที แต่ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน แม้ว่ากล้วยจะมีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุอื่นๆ จำนวนมาก ที่ร่างกายต้องการ แต่อาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารระคายเคือง ส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และอาจนำไปสู่ความไม่สมดุล ของสารอาหารเหล่านี้ในร่างกาย
  • ประการที่สอง อย่ากินกล้วยที่ยังไม่สุกดี กล้วยที่ยังไม่สุกดีคืออะไร โดยทั่วไป ผิวของกล้วยสุก จะมีสีเหลือง ส่วนผิวของกล้วยที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียว ปอกยาก และรสชาติไม่ดีเท่ากล้วยสุก ตอนซื้อกล้วยอย่าคิดว่า สีเขียว กล้วยที่หน้าตาน่ารับประทาน จะสามารถทานได้ ไม่ควรซื้อกล้วยเขียว หรือต้องปล่อยทิ้งไว้สักพักรอให้สุก ไม่เช่นนั้น จะไม่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย แต่จะทำให้ท้องผูกได้ง่าย
  • ประการที่สาม กล้วยไม่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ หลายคนอาจเข้าใจเรื่องนี้ อย่างลึกซึ้ง หลังจากลองทำเช่นนี้ กล้วยที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน ถูกใส่ในตู้เย็น และวันรุ่งขึ้น ก็กลายเป็นสีดำและงงงวย พวกเขาไม่รู้ว่าแม้แต่ชั้นเก็บสด อุณหภูมิในตู้เย็นจะต่างกัน ต่ำมาก กล้วยแช่เย็น อาจเน่า และเสื่อมสภาพง่าย ดังนั้น กล้วยจึงไม่เหมาะกับการเก็บที่อุณหภูมิต่ำ อย่าซื้อครั้งละมากเกิน ควรซื้อหลังรับประทาน
  • ประการที่สี่ คุณไม่สามารถกินกล้วยมาก เกินไปในคราวเดียว บางคนที่ลดน้ำหนักอาจกินกล้วยหลายๆ ครั้งต่อวัน โดยคิดว่ากล้วย สามารถส่งเสริมการย่อยอาหาร และลดไขมันในร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากคุณกินกล้วยมากเกินไปในคราวเดียว แร่ธาตุมากมายในกล้วย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ จะทำให้เกิดความเสียหาย ระดับเหล่านี้ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น และสัดส่วนไม่สมดุล ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ในร่างกาย
  • ประการที่ห้า กล้วยไม่เหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่ท้องเสียบ่อย ไม่ควรรับประทาน กล้วยช่วยส่งเสริมการย่อยอาหาร จะทำให้ท้องเสียง่ายขึ้น ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ และร่างกายเย็นเกินไป ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป การกินอาจเพิ่มปริมาณ ความเย็นในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นหวัดรุนแรง กินมากเกินไป อาจส่งผลต่อการมีประจำเดือน ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงไม่ควรกินมาก และกล้วยมีน้ำตาลมาก เป็นการง่ายที่จะชะลอความเร็วของการไหลเวียนของเลือด ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่คงที่ และทำให้เกิดความเสี่ยงได้ง่าย

สรุป กล้วยมีรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ถ้าคุณไม่ใส่ใจ กับข้อห้ามที่กล่าวมาข้างต้น อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ คุณรู้หรือไม่ว่า ข้อห้ามทั้งหมดนี้ ส่งผลอย่างไร คุณเคยสังเกตไหม เวลาที่คุณกินกล้วยเป็นประจำ ใครกินผิดหวังว่าจะแก้ไขทัน หัดกินกล้วยให้ถูกวิธี แล้วสุขภาพจะดีขึ้น

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลสุกสีเหลือง เนื้อในมีสีขาว

กินกล้วยตอนเช้าได้ประโยชน์จริง?

การกินกล้วยในตอนเช้ามีข้อมูลจากหลายคนบอกต่อ ๆ กันมาว่า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้น้ำหนักลดได้ ขณะที่บางคนก็บอกว่าการกินกล้วยในตอนเช้าจะส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารของเราได้เช่นเดียวกัน สำหรับวิธีการกินกล้วยเพื่อลดน้ำหนักนี้ เป็นวิธีที่บอกต่อกันมานานแล้วถ้าเรารับประทานเป็นประจำทุกเช้า แต่ก็มีข่าวลือออกมาเช่นเดียวกันว่าไม่สมควรกินกล้วยในตอนที่ท้องว่าง แล้วเราจะทราบได้อย่างไร ว่าตกลงเราควรกินกล้วยตอนไหนดี ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกันแน่ เรามาลองหาคำตอบกันดูคะ

สำหรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลงานการวิจัยทางด้านสุขภาพได้ออกมาย้ำชัด ๆ เลยว่า ถ้าหากว่าเรากินแล้วทุกวันในตอนเช้าจะช่วยทำให้ร่างกายของเราดูดซึมประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ต้องการลดความอยากของหวานในช่วงสาย ๆหรือในช่วงบ่าย ถ้าหากว่ากินกล้วยทุกเช้าจะช่วยแก้อาการนี้ไปได้ และในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการขับถ่ายและลำไส้ อาการเหล่านี้จะหายไปแน่นอนถ้ากินกล้วยเป็นประจำ เพราะกล้วยอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 ช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน และมีคาร์โบไฮเดรตที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ที่สามารถละลายได้ในน้ำ ซึ่งเมื่อตกลงไปในระบบย่อยอาหารจะดูดซับและพองตัวทำให้รู้สึกว่าอิ่มได้นานนั่นเอง

สรุปง่าย ๆ ก็คือการกินกล้วยในตอนเช้าจะให้คุณประโยชน์กับร่างกายของเราได้อย่างแน่นอน และในคนที่กำลังลดน้ำหนักแนะนำให้รับประทานกล้วยน้ำว้า 1-2 ลูกพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว หลังจากที่ตื่นนอน รับรองเลยว่าน้ำหนักตัวของคุณจะลดลงอย่างเห็นผลอย่างรวดเร็วแน่นอน แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

กล้วยไข่
ผลกล้วยไข่ ผลค่อนข้างเล็ก เปลือกผลบาง

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : https://www.thaiquote.org, https://www.bannongjok.ac.th
ภาพประกอบ : https://www.flickr.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เกษตรตำบล.คอม

8 Comments

Add a Comment