ผักคราดหัวแหวน
ชื่ออื่นๆ : ผักคราด ผักเผ็ด อึ้งฮวยเกี้ย
ต้นกำเนิด : ประเทศบลาซิล
ชื่อสามัญ : ผักคราดหัวแหวน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : spilanthes acmell murr
ชื่อวงศ์ : compositae
ลักษณะของผักคราดหัวแหวน
ผักคราดหัวแหวน…เป็นพืชล้มลุก สูง 30-40 ซม. ลำต้นค่อนข้างกลม อวบน้ำสีม่วงแดง ต้นทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามรูปสามเหลี่ยม กว้าง 3-4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกช่อออกที่ซอกใบรูปกรวยคว่ำสีเหลืองอ่อน ผลแห้งรูปไข่

การขยายพันธุ์ของผักคราดหัวแหวน
ใช้เมล็ด/ใช้เมล็ดโรยตามดินที่ปลูกที่เหมาะสม
ธาตุอาหารหลักที่ผักเผ็ดคราดหัวแหวน
ประโยชน์ของคราดหัวแหวน
สรรพคุณ :
ราก – แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ แก้คัน เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ
ต้น – แก้พิษตานซาง แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ฝีในคอ แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ริดสีดวง
ทั้งต้น
– รสเผ็ด ซ่าปาก ทำให้ลิ้นและเยื่อเมือกชา แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ
– แก้ฝีในคอ แก้ไข้ คอตีบตัน แก้ซาง แก้คัน แก้ริดสีดวง แก้เริม
– แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้ไอ ระงับหอบ ไอหวัด ไอกรน หอบหืด
– แก้เหงือกและฟันปวด แก้ปวดบวมฟกช้ำ แก้ไขข้ออักเสบจากลมขึ้น ( Rheumatic fever )
– แก้บิด ท้องเดิน
– แก้แผลบวม มีพิษ งูพิษกัด สุนัขกัด ตะมอย
ใบ – แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ รักษาแผล มีฤทธิ์เป็นยาชา
ดอก – แก้ปวดฟัน แก้ปวดศีรษะ

สรรพคุณทางยาของคราดหัวแหวน
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
ใช้รับประทานภายใน
ต้มแห้งหนัก 3.2- 10 กรัม ต้มน้ำดื่ม หรือบดเป็นผงหนัก 0.7- 1 กรัม รับประทานกับน้ำ หรือผสมกับเหล้ารับประทาน
ใช้ทาภายนอก
ต้นสดตำพอก หรือเอาน้ำทาถู ใช้ต้นสด 1 ต้น ตำให้ละเอียด เติมเกลือ 10 เม็ด คั้นน้ำ ใช้สำลีพันไม้ชุบน้ำยาจิ้มลงในซอกฟัน ทำให้หายปวดฟันได้
สารเคมี :
ทั้งต้น พบ Sitosterol-O-Beta-D-glucoside, Alpha- และ Beta-Amyrin ester, Stigmasterol, Spiranthol, Spilantol, lsobutylamine
อีกทั้งทางด้านเภสัชวิทยาช่วยต้านเชื้อแบทรีเรียต้านยีสต์ ต้านไวรัส ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ลดความดันโลหิต เพิ่มฤทธิ์ของฮิสตามิน ในการทำให้ลำไส้หดเกร็ง ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันฆ่ายุง ฆ่าลูกน้ำยุง ทำให้ชัก เป็นยาชาเฉพาะที่ แก้ปวด ลดความแรงและความถี่ของการบีบตัวของหัวใจห้องบน ยับยั้งการหดตัวของมดลูกซึ่งเหนี่ยวนำด้วย oxytocin

คุณค่าทางโภชนาการของคราดหัวแหวน
การแปรรูปของผักคราดหัวแหวน
นิยมนำมารับประทานโดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นำมาใส่แกงแค หรือ ต้ม ลวก กินกับน้ำพริก จัดเป็นผักที่เป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพร
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=9182&SystemType=BEDO
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%99
http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_18_4.htm
https://www.flickr.com