การเลือกซื้อกล้วย วิตามินในกล้วยน้ำว้า กินกล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้ามีประโยชน์ เพราะมีแคลเซียมมาก ทำให้ในช่องปากมีสภาพเป็นด่าง ไม่ทำให้เกิดสภาวะฟันผุ การกินกล้วยน้ำว้า ควรกินตอนห่ามๆ ถ้าสุกมากจะมีความหวานมากเกินไป กล้วยน้ำว้ามีวิตามินซี แคลเซียมสูงมาก กินวันละ 4 ลูก จะได้แคลเซียมพอดี รวมทั้งโปแตสเซียม มีโปรตีนครบเหมือนนมแม่ มีฮิสโตแฟนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการหลั่งเอ็นโดรฟิน เมื่อกินกล้วยแล้วจึงทำให้มีความสุข หลับสบาย กินแล้วฟันไม่ผุ เพราะมีสารเพคติน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน จะเคลือบตั้งแต่ในปาก ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถือว่าเป็นยามหัศจรรย์ ใครท้องเสียให้กินดิบ ห่ามก็ได้ จะหยุดท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลรูปรี ผิวเปลือกเรียบ

วิธีการเลือกซื้อกล้วย

การเลือกซื้อกล้วยขณะที่มีสีเขียว เลือกหวีที่อยู่กลางเครือ เพราะจะมีสารอาหารครบถ้วน โดยจะมีประมาณ 15-16 ลูก เมื่อได้กล้วยแล้ว ดึงโดยไม่ต้องใช้มีด จับที่ก้านแล้วดึงออกทีละลูก ฉีกออกมา วางไว้ กล้วยจะแห้งที่ก้าน อยู่อย่างนี้ได้ 3-5 วัน ไม่สุกไม่เน่า

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า ผลรี ผิวเรียบ ผลดิบเขียว ผลสุกสีเหลือง

วิธีการกินกล้วย

ปอกเปลือกจากบนลงล่าง กินจากข้างบนลงไป คำแรกๆ จะรู้สึกฝาด เพราะมียางอยู่ในปาก เป็นยาวิเศษ คือ เพคติน ยางกล้วยจะช่วยรักษาแผลในปาก โรคกระเพาะ โรคลำไส้ โรคทางเดินอาหาร กินกล้วยแล้วมีความสุขมากเพราะได้น้ำตาลฟรุคโทส เป็นน้ำตาลที่ไม่ใช้อินซูลิน กินไม่ถึง 5 นาที จะรู้สึกมีความสุข เพราะน้ำตาลจะขึ้นไปที่สมอง และใช้ได้ทันที เหมาะสำหรับคนไข้เบาหวาน และกินกล้วยน้ำว้าไม่ทำให้ปากเหม็น

กล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้า เนื้อสีขาว รสหวาน

การกินกล้วยของผู้สูงอายุ

การกินกล้วยน้ำว้าในผู้สูงอายุ ขอให้กินกล้วยน้ำว้ามากๆ เพราะย่อยง่าย มีเยื่อ มีกาก ในกล้วยน้ำว้ามีวิตามินซี ไม่ทำให้ฟันผุ แต่ต้องแปรงฟันให้สะอาด

การแปรงฟันยังคงเป็นพื้นฐานของการทำความสะอาดช่องปาก โดย แปรงฟันให้ได้วันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย แปรงฟันครั้งละไม่น้อยกว่า 2 นาที และที่สำคัญหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมงถึงจะกินอาหารต่อได้ ในช่วงหลังกินอาหารเช้าให้แปรงฟันอีกสักครั้ง ตอนเที่ยงให้เด็กได้แปรงฟันที่โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก สำหรับผู้สูงอายุ ต้องทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน โดยใช้แปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน และแปรงซอกฟัน โดยดูตามสภาพฟันของแต่ละคนไป

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
www.gotoknow.org
www.diezminutos.org
www.flickr.com

One Comment

Add a Comment