ทับทิม ผลกลมโตแล้วแต่พันธุ์เปลือกนอกของผลหนาค่อนข้างเหนียว เปลือกด้านในสีเหลือง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก อัดกันแน่นเต็มเปลือก แต่ละเมล็ดมีเนื้อสีชมพู หรือสีแดงลักษณะใส มีรสหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว
มีการนำผลไม้อย่างทับทิมมาใช้เพื่อบำรุงกำลัง ช่วยในการฟอกเลือดและฟอกไต ทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งยังสามารถช่วยปรับฮอร์โมนในคนวัยทอง และป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย และในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ก็นิยมกินหรือแม้กระทั่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากทับทิม เพื่อช่วยในการดูแลผิวพรรณให้ดี ไม่เหี่ยวก่อนวัย นั่นเพราะทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง โดยเฉพาะวิตามินซีซึ่งมีมากเนื่องจากทับทิมเป็นผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยว นอกจากนี้ก็ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพในด้านการมีสรรพคุณรักษาโรคได้อีกมาก อาทิ อาการของโรคหัวใจ ป้องกันโรคขี้ลืมก็ได้ ช่วยย่อยอาหาร หรือกำจัดไขมันส่วนเกินก็ดี วันนี้เกษตรตำบลมีวิธีการทำน้ำทับทิมอย่างง่ายๆ มาฝากกันค่ะ
ส่วนผสม
- เม็ดทับทิม 2 ถ้วยตวง
- น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
วิธีการทำ
- แกะเม็ดทับทิมเอาเปลือกและเนื้อเยื่อที่หุ้มออกให้หมด
- ใส่น้ำเล็กน้อยพอท่วม นําไปต้มให้นิ่มแล้วคั้นเอาแต่น้ำ
- ผสมนํ้าทับทิมกับน้ำเชื่อมอัตราส่วนนํ้า 2 ส่วน นํ้าตาล 1 ส่วน คนให้เข้ากัน
วิธีรับประทาน
เสิร์ฟโดยการแช่เย็นหรือใส่นํ้าแข็ง
ประโยชน์ทางสมุนไพรของทับทิม
- ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลม
ใช้เปลือกสดของราก ต้น ที่เก็บใหม่ๆ ประมาณ ½ กํามือ เติมกานพลูหรือกระวานลง ไปเล็กน้อย เพื่อแต่งรส ต้มกับนํ้า 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ½ ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น ประมาณ 2 ชั่วโมง รับประทานยาถ่ายเช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะตาม ควร อดอาหารก่อนรับประทานยา - แก้ท้องร่วง ท้องเดิน (ไม่ใช่บิดหรือหิวาตกโรค)
ใช้เปลือกตามแดดให้แห้งประมาณ ¼ ของผลฝนกับน้ำฝนหรือน้ำปูนใสให้ข้นๆ รับประทานครั้ง ละ 1-2 ช้อนแกงหรือต้มกับนํ้าปูนใสแล้วดื่มนํ้าที่ต้มก็ได้ - บิด (มีอาการปวดเบ่งและมีมกู หรืออาจมีเลือดด้วย)
ใช้เปลือกผลแหงของทับทิมครั้งละ 1 กํามือ ต้มกับนํ้าดื่มวันละ 2 ครั้ง อาจใช้กานพลู หรืออบเชยแต่งกลิ่นให้น่าดื่มก็ได้ - ใช้เป็นอาหาร
ผลแก่จัด
– รับประทานเป็นผลไม้ หรือหมักทําสุราผลไม้
ใบสด
– คนจีนนิยมปักบนอาหารที่ไหว้เจ้า ถือว่าเป็นมงคล
– เปลือกสดใชเย้อมผ้าให้เขียว
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
https://www.flickr.com
https://www.youtube.com
One Comment