วิธีการปลูกแตงโมและวิธีการรักษาคุณภาพแตงโม

แตงโม

แตงโม เป็นพืชล้มลุก มีอายุสั้น เป็นเถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลมๆ เถาแข็งและเหนียว มีสีเขียว มีขนอ่อนปกคลุม ใบมีลักษณะใบรูปสามเหลี่ยมยาว มีสีเขียว ดอกจะมีสีเหลือง ผลมีลักษณะทรงกลม หรือทรงกระบอก มีเปลือกแข็ง มีสีเขียวและสีเหลือง บางสายพันธุ์มีลวดลายบนเปลือกด้วย มีเนื้อข้างในสีแดงและสีเหลือง จะมีเมล็ดสีดำอยู่ จะรับประทานเมื่อสุก เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่มาก มีวิตามินและแร่ธาตุอยู่ภายในมากมาย

แตงโม
แตงโม เนื้อสีแดง มีเมล็ดสีดำ

ช่วงเวลาในการปลูกแตงโม

แตงโมจะขาดตลาดและมีราคาสูงในตอนกลางและปลายฤดูฝนเพราะว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะปลูกแตงโมได้ยากลำบาก เนื่องจากต้นแตงโมไม่ชอบฝนชุกจะตายด้วยโรคเถาเหี่ยวเป็นส่วนใหญ่ และเกิดโรคทางใบมาก ผลแตงโมจะเน่าง่ายอีกทั้งรสชาติจะไม่หวานจัดเหมือนแตงโมที่ปลูกในฤดูแล้งหรือในฤดูหนาว ฉะนั้นจึงควรเริ่มปลูกแตงโมตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคม และเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายในเดือนมิถุนายน ซึ่งยังเป็นต้นฤดูฝนอยู่ และมีผู้ต้องการบริโภคแตงโมกันมาก

พันธุ์แตงโม

พันธุ์แตงโม ที่นิยมปลูกมี 3 พันธุ์ คือ

  1. พันธุ์เบา ที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ พันธุ์ชูการ์เบบี้ ผลกลมสีเขียวคล้ำ อายุเก็บเกี่ยว 65 วัน นับจากวันงอก
  2. พันธุ์หนัก คือ พันธุ์ชาร์ลสตันเกรย์ ผลสีเขียวอ่อน มีลายที่ผิวผล ผลกลมยาวขนาดใหญ่ อายุเก็บเกี่ยว 85 วัน นับจากวันงอ
  3. พันธุ์แตงโมเหลือง เป็นพันธุ์ลูกผสม เนื้อสีเหลือง ผลกลมสีเขียวอ่อนลายเขียวเข้ม อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 70-75 วัน

การเตรียมดินในการปลูกแตงโม

แตงโมเป็นพืชที่หยั่งรากลึกมากกว่า 120 เซนติเมตร และต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้นมากพอ ฉะนั้นถ้ามีการไถพรวนหรือขุดย่อยดินให้มีหน้าดินร่วนโปร่ง และลึกก็จะช่วยป้องกันการขาดน้ำได้เป็นอย่างดีในระยะที่ต้นแตงโมกำลังเจริญเติบโต การเตรียมดินให้หน้าดินลึกร่วนโปร่งจะช่วยทำให้ดินนั้นยึดและอุ้มความชื้นได้มากขึ้น และเป็นทางเปิดให้รากแตงโมแทรกตัวเองลึกลงไปใต้ดิน ซึ่งจะช่วยให้รากหาอาหารและน้ำได้กว้างไกลยิ่งขึ้นและเป็นการช่วยทำให้พืชสามารถใช้น้ำใต้ดินมาเป็นประโยชน์ได้อย่างดีอีกด้วย ถ้าจำเป็นต้องปลูกแตงโมในหน้าฝน ควรเลือกปลูกในดินที่มีการระบายน้ำดี คือ เป็นดินเบา หรือดินทราย แต่ถ้ามีที่ปลูกเป็นดินหนักหรือค่อนข้างหนักควรปลูกแตงโมในหน้าแล้ง และขุดดิน หรือไถดินให้ลึกมากที่สุดจะเหมาะกว่า

ต้นแตงโม
ต้นแตงโม เป็นพืชล้มลุก เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน

การปลูกแตงโม

ใช้เมล็ดพันธุ์ชูการ์เบบี้ อัตรา 40-50 กรัม/ไร่ เมล็ดพันธุ์ชาร์ลสตันเกรย์ และพันธุ์เหลือง อัตรา 250-500 กรัม/ไร่ โดยหยอดเป็นหลุมให้แต่ละหลุมในแถวห่างกัน 90 เซนติเมตร ส่วนแถวของแตงนั้นควรให้ห่างจากกันเท่ากับความยาวของเถาแตงโม หรือประมาณ 2-3 เมตร ในดินทรายขุดหลุมให้มีความกว้างยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ส่วนในดินเหนียวขุดหลุมให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกที่ละเอียดคลุกเคล้ากับดินบน ใส่รองก้นหลุม ๆ ละ 4-5 ลิตร เตรียมหลุมทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงลงมือปลูก หยอดหลุมละ 5 เมล็ด

การดูแลรักษาแตงโม

การตัดแต่งแขนงตัดยอดหลังย้ายปลูกได้ 1 สัปดาห์ หรือมีใบจริง 5 ใบ ไถพรวนก่อนแตงโมเลื้อยถึงดิน การพ่นสารเคมี ใช้สารเคมีที่กรมวิชาการเกษตรอนุญาตให้ใช้เท่านั้น, พ่นสารเคมีทุก ๆ 5-7 วัน ยกเว้น 15 วันก่อนเก็บผลผลิต, ควรพ่นสารเคมีให้ทั่วทั้งต้น, ควรใช้ตัวยาให้ตรงกับช่วงที่โรคและแมลงระบาด ระหว่างการเพาะ การตัดแต่งยอดและจัดเถา หลังย้ายปลูก 7-10 วัน ตัดยอดเพื่อเลี้ยงแขนงไว้ 3 แขนงต่อต้น หลังปลูก 35-40 วันจึงจัดเถา

สำหรับเกษตรกรรายใหม่ที่เริ่มลงมือปลูก ต้องหาข้อมูลการปลูกและศึกษา วิธีการปลูกจากแปลงจริง การตรวจเช็คคุณภาพ ดิน น้ำ สภาพอากาศที่เหมาะสม จึงลงมือปลูก จากน้อยไปหามาก เพื่อเรียนรู้วงจรชีวิตของแตงโม ตั้งแต่เพาะเมล็ดไปจนถึง การเก็บเกี่ยว รวมไปถึงเรื่องการจัดระบบการจัดการน้ำถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

วิธีช่วยให้เมล็ดแตงโมงอกเร็วขึ้น

ควรทำการหุ้มเมล็ดโดยแช่เมล็ดแตงโมในน้ำอุ่น แล้วทิ้งไว้ 1 วันกับ 1 คืน แล้วเอาผ้าเปียกห่อวางไว้ที่อื่น ๆ ในบ้าน จะช่วยทำให้เมล็ดแตงโมงอกได้เร็วขึ้น และงอกได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อรากเริ่มโผล่ออกมาจากเมล็ด ก็เอาไปเพาะในถุงหรือกระทงใบตองได้ รอจนกล้ามีใบจริงแล้ว 2-3 ใบ จึงนำลงปลูกในไร่ หรือหากไม่สะดวกเพราะต้องการประหยัดแรงงาน ก็อาจนำเมล็ดที่งอกนั้นไปปลูกในแปลงได้เลย โดยหยอดลงในหลุมแบบเดียวกับหยอดเมล็ดที่ยังไม่งอก แต่ต้องให้น้ำในหลุมที่จะหยอดล่วงหน้าไว้ 1 วัน เพื่อให้ดินในหลุมชื้นพอเหมาะ หยอดเมล็ดที่งอกแล้วกลบดินทับหนาไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วรดน้ำ ต้นแตงโมจะขึ้นมาสม่ำเสมอกัน

ผลอ่อนแตงโม
ผลอ่อนแตงโม ผลอ่อนสีเขียว มีลายเล็กน้อย

การเก็บเกี่ยว

แตง โมเป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่ผลแก่แล้วไม่แสดงอาการว่าสุกงอมให้เห็นเหมือนผลมะเขือเทศ หรือพริก ซึ่งจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง หรือไม่เหมือนกับมะม่วง ซึ่งทั้งเปลี่ยนสีแล้วยังมีกลิ่นหอมด้วย ฉะนั้นการดูว่าแตงโมแก่เก็บได้หรือยัง จึงต้องพิถีพิถันมากกว่าปกติอีกเล็กน้อย คือ

คาดคะเนการแก่ของผลแตงโมด้วยการนับอายุ ซึ่งขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแตงโม และอุณหภูมิของอากาศ

  • แตงโมพันธุ์เบา (ชูการ์เบบี้ ผลกลมสีเขียวคล้ำ) จะแก่เก็บได้ภายหลังดอกบาน ประมาณ 35-42 วัน
  • แตงโมพันธุ์หนัก (ชาร์ลสตันเกรย์ผลยาวสีเขียวอ่อนมีลาย) จะแก่เก็บได้ภายหลังดอกบานประมาณ 42-45 วัน

การรักษาคุณภาพแตงโม

ปัญหาเรื่องคุณภาพแตงโมไม่ได้มาตรฐาน ไส้ล้ม สีไม่สวย เนื้อไม่หวาน ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของการตลาดแตงโม เพราะถ้าผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจทำให้เสียตลาดและความเชื่อถือของลูกค้าได้ กลุ่มผู้ปลูกแตงโม อำเภอศรีสงคราม มีวิธีการรักษาคุณภาพแตงโมให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ โดยมีการตรวจสอบคุณภาพของแตงโมทุกแปลงก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด

การรักษาคุณภาพแตงโมให้คงสภาพสวย สด ได้ถึง 15 วัน และสามารถเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 3 เดือนนั้น ทุกขั้นตอนการผลิตต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง เอาใจใส่ มีความละเอียด เริ่มตั้งแต่การเตรียมดินจนถึงเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะความสมดุลของน้ำและธาตุอาหาร จะทำให้แตงโมเจริญเติบโตสมบูรณ์ มีความแข็งแรง ผลผลิตก็มีคุณภาพและเก็บรักษาได้ยาวนาน และเทคนิคการปฏิบัติในระยะการเก็บเกี่ยวเป็นอีกวิธีที่มีผลต่อการรักษาคุณภาพแตงโม ได้แก่ งดการให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยว 3-5 วัน เก็บผลผลิตช่วงเช้าขณะอากาศเย็น และตัดให้มีขั้วติดผลให้ยาวที่สุด รวมทั้งลดการกระแทกขณะขนย้าย วางกองสูงไม่เกิน 3 ชั้นบนพื้นแห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี ป้องกันแดดและฝน ตลอดจนขนส่งผลผลิตในเวลากลางคืน

ผลแตงโม
ผลแตงโม ผลสีเขียว ลายสีเขียวอ่อน

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : http://oho.ipst.ac.th
http://cddata.cdd.go.th
https://www.flickr.com

3 Comments

Add a Comment