ชนิดของไม้วงศ์ยาง
ต้นยางถือเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่ถูกจัดให้เป็นพันธุ์ต้นไม้ที่มีประโยชน์ทางเศษกิจของประเทศ เนื้อไม้ที่ได้จากต้นยางถือว่ามีคุณค่าอีกทั้งเป็นที่ต้องการของตลาด บางชนิดสามารถใช้เปลือกเป็นยาได้อีกด้วย ปัจจุบันพันธุ์ ยางถูกค้นพบไม่น้อยกว่า 700 ชนิดทั่วโลก เมื่อเติบโตเต็มที่สามารถสูงได้ไม่น้อยกว่า 5 เมตร ขนาดลำต้นเล็กใหญ่ตามแต่ละสกุลที่ต่างกันไป พบได้มากในเขตป่าร้อนชื้น ไม้วงศ์ยางนี้ นอกจาก ยางนาที่รู้จักกันดีในประเทศไทยแล้ว พันธุ์ไม้ที่มาจางวงศ์เดียวกันนั้น ก็มีชื่อที่เรียกที่แตกต่างกันออกไป และยังพบได้ในป่าทั่วไปเช่นเดียวกับยางนา
ลักษณะของไม้วงศ์ยาง
ต้นยางถือเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่พบได้ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย มีลำต้นโตเต็มที่ขนาดใหญ่ มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เป็นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์ Dipterocarpus ซึ่งต้นยางนี้จะมีลักษณะเด่นคือเมล็ดหรือผลจะกลีบเลี้ยงขนาดใหญ่ติดมาด้วย ทำให้มองดูแล้ว มีลักษณะคล้ายกับปีก
พืชวงศ์ยางนี้ปัจจุบันมีหลายสายพันธ์ที่ถูกนำมาปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจของไทย เกษตรกรนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ยืนต้นในพื้นที่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน เนื่องจากฟอกอากาศได้ดี รักษาหน้าดิน ลำต้นสูงใหญ่ ให้ร่มเงาที่ดีแล้วยังสามารถปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่นๆ สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกด้วย เกษตรกรจึงหันมาปลูกไม้วงศ์ยางนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
การกระจายพันธุ์
ปัจจุบันนี้มาการค้นพบไม้สายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ทั่วโลก แหล่งข้อมูลที่ได้ที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่นอนว่าต้นยางมีกี่ชนิดทั้งนี้หากเป็นในประเทศไทย เมื่อจัดแยกประเภท ทางสกุลของไม้วงศ์ยางแล้ว ปัจจุบันพบว่าสามารถแบ่งออกเป็นหลักใหญ่ๆแล้วได้ 8 สกุลด้วยกัน นอกจากนี้หากนับรวมแต่ชนิดของ 8 สกุลนี้แล้วก็มีไม่น้อยกว่า 60 ชนิดเลยทีเดียว
ไม้วงศ์ยางในประเทศไทย แบ่งชนิดออกได้เป็น 8 สกุลดังนี้
- พันธุ์ไม้สกุล กระบาก (Anisoptera) สกุลนี้มีต้นไม้ที่พบในไทยได้แก่ อาทิเช่น ต้นกระบาก, ต้นกระบากแดง, ต้นกระบากทองและช้าม่วง
- พันธุ์ไม้สกุล ยาง (Dipterocarpus) สกุลนี้เป็นสกุลที่คนนิยมปลูกมากที่สุด มีหลายชนิด พบได้เยอะสุดคือ ยางนา นอกจากนี้ยังมี ยางขน, ยางบูเก๊ะ, ยางวาด, ยางแดง, ยางเสียน ยางพลวง
เป็นต้น - พันธุ์ไม้สกุล เคี่ยม (Cotelelobium) สกุลนี้มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ ต้นเคี่ยม
- พันธุ์ไม้สกุล พันจำ (Vatica) สกุลนี้เป็นอีกหนึ่งสกุลที่มีหลายชนิด เช่น จันทน์กะพ้อ,สะเดาปัก ,สักปีก, พันจำดง ,พันจำ ,สักน้ำ, จันทร์กระพ้อแดง เป็นต้น
- พันธุ์ไม้สกุล ไข่เขียว (Parashorea) สกุลนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ ต้นเกล็ดเข้ และไข่เขียว
- พันธุ์ไม้สกุล ตะเคียนชันตาแมว (Neobalanocarpus) สกุลนี้เป็นอีกหนึ่งสกุลที่มีเพียงชนิดเดียว คือต้นตะเคียนชันตาแมว ปัจจุบันหาพบได้ยากมากในประเทศไทย
- พันธุ์ไม้สกุล ตะเคียน (Hopea) หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่ไม้สกุลตะเคียนก็จัดอยู่ในจำพวกเดียวกับยาง นอกจากนี้สกุลนี้มีหลายชนิดที่พบได้ในประเทศไทยเช่น ตะเคียนใบใหญ่, ตะเคียนทอง, กระบกรัง, ตะเคียนแก้ว, กรายดำ, ตะเคียนทราย, ตะเคียนหินเป็นต้น
- พันธุ์ไม้สกุล เต็ง, รัง, สยา (Shorea) สกุลนี้จัดว่ามีชนิดมากที่สุดในบรรดา 8 สกุลที่พบในประเทศไทย เช่น สยาแดง,พยอม, เต็ง,รัง กระบากดำ, สยาดำ, สยาขน,สยาขาว, สยาเหลือง, พยอมนกเขา ฯลฯ
ทั้งนี้ 8 สกุลนี้ไม่นับรวมกับยางพารา
นอกจากยางนาจะถูกปลูกเพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจแล้ว ปัจจุบันกระทรวงพานิชย์ยังประกาศให้ไม้ยางนี้ สามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารได้อีกด้วย จึงจัดได้ว่า นอกจากจะมีประโยชน์มากมายแล้ว ไม้วงศ์ยางนี้ ยังมีค่ามากอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกที่ดีให้กับเกษตรกรที่กำลังมองหาไม้ยืนต้น เหมาะสมกับการปลูกระยะยาวในพื้นที่ของตนเอง
สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับการเกษตร เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : https://thfarmers.com/
ภาพประกอบ : www.flickr.com
ไม้สกุลยาง ไม้วงศ์ยางในประเทศไทย แบ่งชนิดออกได้เป็น 8 สกุล