น้ำพริกกล้วยดิบ เมนูกล้วย แปรรูปจากกล้วยน้ำว้า

น้ำพริกกล้วยดิบ

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากล้วยดิบจะมีสารที่ชื่อสารแทนนิน และสาร Sitoindoside ซึ่งมีผลช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน โดยสารแทนนินมีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้แก้อาการท้องเสียได้ สาร Sitoindoside และสาร Leucocyanidins มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร  ซึ่งในปัจจุบันก็มีการนำกล้วยดิบ มาแปรรูปได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทำแป้งกล้วย แกงกล้วยดิบ ตำกล้วยดิบ หรือแม้แต่น้ำพริกกล้วยดิบ ในวันนี้เกษตรตำบลก็มีเมนูกล้วย เมนูจากกล้วย หรือเมนูจากกล้วยน้ำว้ามาฝากกันค่ะ นั่นก็คือน้ำพริกกล้วยดิบมากฝากกันค่ะ พร้อมกันแล้วไปดูขั้นตอนการทำกันเลยค่ะ

น้ำพริกกล้วยดิบ
น้ำพริกกล้วยดิบ รสชาติ เปรี้ยว หวาน เค็ม

ส่วนผสม

  1. กล้วยน้ำว้าดิบ                                                  12-15     ผล
  2. กุ้งนางแกะเปลือกเผาพอสุกหั่นเป็นชิ้น           250-280     กรัม
  3. กุ้งแห้งอย่าดีป่น                                           150-180     กรัม
  4. พริกขี้หนูสวนทุบพอแตกหั่นซอยหยาบ               60-70    กรัม
  5. กระเทียมปอกเปลือก                                         60-80    กรัม
  6. มันกุ้งที่ได้จากหัวกุ้งที่นำไปนึ่งจนสุก                      3-4    ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลาอย่างดี                                                       6-7    ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมะนาว                                                              6-8    ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลปี๊บ                                                             3-5   ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีการทำ

  1. นำกล้วยน้ำว้าดิบปอกเปลือกหั่นซอยบางๆ แช่น้ำมะขามไม่ใช้ดำ พอสะเด็ดน้ำจึงนำไปโขลกเบาๆ กับกระเทียม พริกขี้หนู ใส่กุ้งแห้งป่น โขลกต่อจนเข้ากัน
  2. จากนั้นใส่กุ้งเผาหั่นซอย ใช้สากคลึงเบาๆ พอเนื้อน้ำพริกเข้ากับเนื้อกุงเผา
  3. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้รส เปรี้ยว หวาน เค็ม ให้เปรี้ยวนำนิดหน่อย 
  4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอประมาณ ผัดน้ำพริกสักครู่จนสุกหอม
  5. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ ทานคู่กับผักกาดขาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ ขมิ้นขาว หรือทานกับไข่ต้มก็อร่อยเข้ากัน

สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับเรื่องกล้วย การปลูกกล้วย พันธุ์กล้วย การแปรรูปกล้วย เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : www.kasetsomboon.org
ภาพประกอบ :
www.youtube.com

 

One Comment

Add a Comment