น้ำพริกจากเปลือกกล้วยน้ำว้า เปลือกกล้วย ประโยชน์

เปลือกกล้วย

เปลือกกล้วย สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้รักษาอาการคัน  กำจัดสิว หรือแม้แต่ขัดรองเท้า เป็นต้น วันนี้เกษตรตำบลมีสูตรการทำน้ำพริกเปลือกกล้วยน้ำว้า ของคุณวารุณี เกตุพงศ์สุดา (รุ่งทานธรรม) ที่ได้คิดเมนูนี้ขึ้นมาเนื่องจากความเสียดายเปลือกกล้วย ซึ่งน้ำพริกกล้วยน้ำว้าจะมีรสหวาน มัน เหนียวหนึบๆ รสชาติดี น้ำพริกเปลือกกล้วยน้ำว้า มีฤทธิ์ร้อน ควรรับประทานกับผักฤทธิ์เย็น จึงจะสมดุล เรามาดูส่วนผสมและวิธีการทำกันเลยค่ะ

เปลือกกล้วย
เปลือกกล้วยสุก มีสีเหลือง

วัตถุดิบฤทธิ์เย็น

  1. เปลือกกล้วยน้ำว้าสุกไร้สารพิษ 10 ลูก
  2. มะนาวคั้นน้ำ 1 ลุก
  3. ดอกเกลือ

วัตถุดิบฤทธิ์ร้อน

  1. พริกขี้หนูสด 1 เม็ด
  2. หอมหัวใหญ่ 1 หัวหั่นหยาบๆ
  3. กระเทียม 4-5 กลีบ
  4. ผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. สะระแหน่หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ

ผักสดสำหรับกินกับน้ำพริก

วิธีทำน้ำพริกเปลือกกล้วยน้ำว้า

  1. เปลือกกล้วยน้ำว้าสุก ตัดหัว-ท้าย ล้างให้สะอาด
  2.  ตั้งน้ำ 3-4 ถ้วย ต้มให้เดือดใส่เกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เปลือกกล้วยดำ ปิดฝาต้มให้สุก
    ตักใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ
  3. นำมาโขลกขณะร้อน เพื่อจะได้ให้แตกง่าย (ถ้าโขลกขณะเย็นจะเหนียว ละเอียดยาก) เสร็จแล้วพักไว้
  4. คั่วพริก หอม กระเทียม ให้สุกหอม โขลกพอหยาบ จากนั้นนำเปลือกกล้วยที่โขลกไว้ นำโขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาวและเกลือ ปรุงรสอ่อนเพื่อสุขภาพที่ดี
  5. รับประทานกับผักสดที่เตรียมไว้
น้ำพริกเปลือกกล้วยน้ำว้า
น้ำพริกเปลือกกล้วยน้ำว้าสุก มีรสหวาน มัน เหนียวหนึบ

เปลือกกล้วยกินได้หรือไม่ มีประโยชน์อะไรบ้าง? 
กล้วยนั้นมีประโยชน์ เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามินหลายชนิด แต่สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงคือ “เปลือกกล้วย” นั้นก็สามารถนำมากินได้ เปลือกกล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ใยอาหาร ไขมันไม่อิ่มตัว และกรดอะมิโนจำเป็น ช่วยให้ความดันเลือดเป็นปกติอยู่เสมอ ป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุน ลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต และกระตุ้นการทำงานของหัวใจอีกด้วย แต่ด้วยความที่เปลือกกล้วยมีความหนา เส้นใยเยอะ และมีรสออกขม ประกอบกับอาจมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะโยนเปลือกกล้วยทิ้งไป แต่หากอยากลองกินเปลือกกล้วยแนะนำให้กินเปลือกกล้วยสุก เนื่องจากจะมีเนื้อที่บางกว่าและกินง่ายกว่า ที่สำคัญ ต้องล้างทำความสะอาดให้ก่อนรับประทานด้วยนะค่ะ

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : 
www.vijjaram.ac.th
www.stkc.go.th
www.th.anngle.org

 

2 Comments

Add a Comment