กล้วยตานี
ชื่ออื่นๆ : กล้วยป่า , กล้วยพองลา, กล้วยตานีใน, กล้วยชะนีใน, กล้วยเมล็ด, กล้วยงู
ต้นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้นตระกูลของกล้วยที่รับประทานได้ในปัจจุบัน ร่วมกับกล้วยป่า
ชื่อสามัญ : Banana, Wild Balbisiana
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa balbisiana
ชื่อวงศ์ : Musaceae
ลักษณะของกล้วยตานี
ต้น ไม้ล้มลุก ทรงพุ่มรูปร่ม มีความสูง 3 เมตร ความกว้างทรงพุ่ม 1.8 เมตร เป็นพืชบก ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า เปลือกลำต้นสีเขียว ลักษณะเรียบ มียางสีขาวขุ่น
ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียว แผ่นใบกว้าง 20-30 เซนติเมตร ยาว 90-200 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษใบมีขนาดใหญ่ การเรียงตัวของใบบนกิ่งเวียน แผ่นใบรูปขอบขนาน ปลายใยเว้าตื้น โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ
ดอก ก้านช่อดอกสีเขียวไม่มีขน ปลีรูปร่างป้อม ปลายมน ด้านบนสีแดงอมม่วง มีนวล ด้านล่างสีแดงเข้มสดใส เมื่อกาบปลีกางขึ้นจะไม่ม้วนงอ กาบปลีแต่ละใบซ้อมกันลึก
ผล กล้วยตานี 1 เครือ จะมีทั้งหมด 8 หวี และใน 1 หวีก็จะมีอยู่ประมาณ 10 – 14 ผล โดยลักษณะผลของกล้วยตานีจะมีลักษณะมีเหลี่ยม ผลป้อมและใหญ่ เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลือง รสชาติหวาน มีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก

การขยายพันธุ์ของกล้วยตานี
ใช้หัว/เหง้า/หน่อ/ใช้เหง้าหรือหน่อปลูก
ธาตุอาหารหลักที่กล้วยตานีต้องการ
–
ประโยชน์ของกล้วยตานี
- ใบตองใช้ ห่อขนม และอาหาร
- ใบอ่อนแห้ง ใช้มวนบุหรี่
- ก้านใบ ทำกระดาษและเชือก
- หยวก ปลี ผลอ่อนรับประทานเป็นผัก กาบนอกใช้เป็นทุ่นลอย ลำต้นเทียมตัดเป็นแว่นใช้ในเทศกาลลอยกระทง กาบฉลุใช้ประดับเมรุในงานศพ
- ปลี ใช้ทำอาหาร เหง้าใช้ทำแกงคั่ว
- ผลอ่อน ใช้ทำส้มตำใช้ทำเมี่ยง
- ผลแก่ ใช้รับประทานเป็นผลไม้
- ยางจากกล้วยช่วยสมานแผลสด เช่น มีดบาดมือหรือเข่าถลอก

สรรพคุณทางยาของกล้วยตานี
ช่วยแก้ท้องเสียได้ โดยการนำผลดิบที่ยังอ่อนอยู่ นำมาฝานแล้วตากแดดไว้หลังจากนั้นนำมาบดแล้วรับประมานจะช่วยแก้ท้องเสียได้ ช่วยแก้ร้อนใน ดับกระหายได้ โดยการนำรากมาต้มน้ำรับประทาน

คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยตานี
–
การแปรรูปของกล้วยตานี
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=11043&SystemType=BEDO
https:// th.wikipedia.org
http:// tree.t5denha.ac.th
https:// pharmacy.mahidol.ac.th
www.flickr.com
15 Comments