การเลี้ยงปลาแรด ปลาเนื้อแน่น ไม่มีก้าง รสชาติดี

การเลี้ยงปลาแรด

ปลาแรด (Giant Gouramy) Osphronemus goramy (Lacepede) เป็นปลาน้ำจืด ขนาดใหญ่ของไทยชนิดหนึ่ง ปลาขนาดใหญ่ที่พบมีน้ำหนัก 6-7 กิโลกรัม ความยาว 65 เซนติเมตร เป็นปลาจำพวกเดียวกับปลากระดี่และปลาสลิดแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก มีเนื้อแน่นนุ่ม เนื้อมาก ไม่ค่อยมีก้าง รสชาติดี จึงได้รับความนิยมจากประชาชนผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถนํามาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น ทอด เจี๋ยน ต้มยำ แกงเผ็ด ลาบปลา และน้ำยา ฯลฯ ในระยะหลังได้รับการจัดเป็นปลาจานในภัตตาคารต่างๆ หรือจะนำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามก็ได้ สําหรับผู้เลี้ยง ปลาแรดเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายเช่นเดียวกับปลาสลิดราคาค่อนข้างสูง มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อมและโรคได้เป็นอย่างดี ให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนดีมีกำไรและไม่มีปัญหาเรื่องตลาดเป็นปลาที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดีทั้งในบ่อและกระชัง มีอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็ว สามารถแพร่ขยายพันธุ์ในบ่อได้ โดยเลี้ยงเพื่อขาย เป็นปลาเนื้อหรือปลาสวยงาม

แหล่งกําเนิด
ปลาแรด มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งว่า “ปลาเม่น” มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย แถบหมู่เกาะสุมาตรา ชวา บอร์เนียว และหมู่เกาะอินเดียตะวันออกในประเทศไทยภาคกลางพบตามแม่น้ำ ลำคลอง ตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ ที่จังหวัดพัทลุงและแม่นํ้าตาปีจังหวัดสุราษฏร์ธานี ปัจจุบันปลาแรดที่อาศัยตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากแหล่งนํ้าตื้นเขินขาดแหล่งวางไข่ และแหล่งเลี้ยงลูกปลาวัยอ่อนที่เหมาะสมการเลี้ยงปลาแรดในกระชังยังไม่แพร่หลาย มีอยู่เฉพาะบริเวณ แถบจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ส่วนการเลี้ยงปลาแรดในบ่อดินขนาดใหญ่ยังมีอยู่น้อยการเพาะขยายพันธุ์และเลี้ยงปลาแรดเป็นจำนวนมาก จะทําให้มีปลาแรดบริโภคกันอย่างกว้างขวาง และช่วยอนุรักษ์ปลาแรดมิให้สูญพันธุ์

อุปนิสัย
ปลาแรด ชอบอยู่ในน้ำนิ่งตื้นๆ ตามแม่น้ำลำคลอง หนอง บึงและทะเลสาบ เป็นปลาที่ค่อนข้างตื่นตกใจง่ายแต่เชื่องช้า ผู้เลี้ยงสามารถฝึกหัดให้เชื่องได้ง่ายโดยวิธีการ ให้อาหาร ชอบอยู่ในที่เงียบสงัด มีพันธุ์ไม้น้ำที่มีอาหารสมบูรณ์ ปลาแรดที่ยังมีขนาดเล็ก มักจะทําอันตรายกันเอง เป็นปลาที่ค่อนข้างทรหดอดทนเมื่อจับขึ้นจากน้ำก็สามารถมี ชีวิตอยู่ได้นานๆ เพราะมีอวัยวะพิเศษช่วยในการหายใจ (accessory respiratory organ) มีลักษณะเป็นเยื่ออ่อนๆ อยู่ในหัวตอนเหนือเหงือก โดยมีคุณสมบัติเก็บน้ำไว้หล่อเลี้ยง ให้ความชุ่มชื้นแก่เหงือกในเวลาที่ปลาขึ้นพ่นน้ำ ทำให้ปลามีชีวิตอยู่ได้นานกว่าปกติ

รูปร่าง
ปลาแรด เป็นปลาในตระกูลเดียวกับปลาหมอไทย ปลาหมอตาล ปลากริม ปลากัด ปลากระดี่นาง ปลากระดี่หม้อ ปลาสลิด ซึ่งปลาในครอบครัวนี้มีลักษณะเด่นคือเป็นปลาที่ ค่อนข้างอดทน มีลำตัวสั้นป้อมและแบนข้าง หัวค่อนข้างเล็ก ปลาเล็กเฉียงขึ้นยึดหดได้ ฟันแข็งแรง เกล็ดใหญ่ ลำตัวมี น้ำตาลอ่อนหรือค่อนข้างเทาครีบหลังครีบก้นยาวมาก ครีบหลังมีจำนวนก้านครีบแข็ง 12-16 อัน ก้านครีบอ่อน 10-11 อัน ครีบก้นมีก้านครีบ แข็ง 9-13 อัน ก้านครีบอ่อน 17-18 อัน ครีบท้องมีก้านครีบแข็ง 1 อัน ก้านครีบอ่อน 5 อัน ก้านครีบอ่อนคู่แรกของครีบท้องมีลักษณะเป็นเส้นยาว ครีบหางกลม เกล็ดตามเส้นข้างตัว 30-33 เกล็ด มีจุดดำที่โคนหาง 1 จุด สีดำจางเป็นแถบพาดขวางลำตัว ข้างละ 8 แถบมีสีเงินรอบๆ จุดทําให้แลเห็นจุดเด่นขึ้นลักษณะเช่นนี้ดูคล้ายกระดี่หม้อ แต่ปลากระดี่หม้อมีจุดดำข้างละ 2 จุด เมื่อโตมีนอที่หัวสีตอนบนของลําตัวค่อนข้างเป็นสีน้ำตาลปนดำตอนล่างมีสีเงินแกมเหลืองส่วนจุดที่โคนหางจะเลือนหายไป

ปลาแรด
ปลาแรด ลําตัวสั้นป้อมและแบนข้าง หัวค่อนข้างเล็ก ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนหรือค่อนข้างเทา

การสืบพันธุ์

  1. ลักษณะเพศ ปกติปลาแรดเพศผู้และเพศเมีย มีลักษณะคล้ายคลึงกันมากจะเห็นได้ชัดก็ต่อเมื่อมีขนาดสมบูรณ์พันธุ์ คือ ตัวผู้จะมีนอ(Tubercle) ที่หัวของมันโหนกสูงขึ้นจนเห็นได้ชัด หัวโต ส่วนตัวเมียจะมีโหนกไม่สูงและที่ใต้ฐานของครีบอกตัวเมีย จะมีจุดสีดํา แต่ตัวผู้จะมีแต่มีสีขาวปลาแรดที่มีอายุเท่ากัน ปลาตัวผู้จะโตกว่าปลาตัวเมีย ปลาแรดจะเริ่มมีไข่มื่ออายุ 2-3 ปี น้ำหนักประมาณ 2-4กิโลกรัม แม่ปลาขนาด 3 กิโลกรัม จะมีไข่ 2,000-4,000 ฟอง แม่ปลาตัวหนึ่ง สามารถวางไข่ได้ 2-3 ครั้ง/ปี
  2. การเพาะพันธุ์ปลา ปลาแรดสามารถวางไข่ได้ตลอดปี แต่จะมีไข่สูงใน ช่วง 7 เดือน ตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม ปลาแรดจะสร้างรังวางไข่การเพาะพันธุ์ จึงควรใส่ฟางหรือหญ้าเพื่อให้ปลาแรดนำไปใช้ในการสร้างรัง รังจะมีลักษณะคล้ายรังนกและจะมีฝาปิดรัง ขนาดรังโดยทั่วๆ ไปมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 1 ฟุต ใช้เวลาสร้าง ประมาณ 1 สัปดาห์ การเพาะพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติในบ่อดิน บ่อเพาะพันธุ์ควรเป็น บ่อขนาดใหญ่ 1-2 ไร่ อัตราการปล่อยปลาตัวผู้ต่อตัวเมีย 1:2 จํานวน 100-150 คู่/ไร่ แม่ปลาขนาด 3 กิโลกรัมจะมีไข่ระหว่าง 2,000-4,000 ฟอง

    การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ บริเวณพื้นบ่อมีสภาพเป็นโคลน ให้มีหญ้าและพันธุ์ ไม้น้ำขึ้นหนาสักหน่อย พร้อมทั้งหากิ่งไผ่ ผักให้จมอยู่ในน้ำเพื่อใช้เป็นที่สร้างรังพ่อแม่ปลาจะคอยระวังรักษาลูกอ่อนอยู่ใกล้ๆ รังและจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูที่มารบกวนอย่างเต็มที่หรืออาจใช้คอกที่สร้างขึ้นบริเวณตลิ่งที่เป็นคุ้งของลำแม่น้ำที่ไม้ไหลเชี่ยวมากใช้เพาะปลาแรด เช่นเดียวกับการเพาะในบ่อ

  3. การฟักไข่ ไข่ปลาแรดเป็นประเภทไข่ลอย (มีลักษณะกลมสีเหลืองอ่อน มีไขมันมาก กลิ่น คาวจัด ไม่มีเมือกเหนียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร) เมื่อปลาแรดวางไข่แล้วนํารังที่มีไข่ขึ้นมาแล้วคัดเฉพาะไข่ดี ควรช้อนคราบไขมันออก มิฉะนั้นแล้ว จะทําให้น้ําเสียและปลาติดเชื้อโรคได้ง่าย ต่อจากนั้นรวบรวมไข่ใส่ถังส้วมทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ระดับนํ้าประมาณ 30-50ซม. ให้เครื่องเป่าอากาศเบาๆ เพื่อเพิ่มออกซิเจนและใส่พืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง เพื่อช่วยในการดูดซับไขมันและให้ลูกปลาได้ยึดเกาะหรือฟักไข่ในบ่ออนุบาลหรือฟักในกระชังผ้าโอล่อนแก้ว กระชังมีรูปร่างสี่เหลี่ยมขนาด2 x 1 x 0.5 ใช้หูเกี่ยวหรือโครงเหล็กถ่วงที่พื้นเพื่อให้กระป่งดึงคงรูปอยู่ได้ในระหว่างการฟักควรเพิ่มอากาศหรือนํ้าลงในกระชังเพื่อไล่ไขมันที่ติดมากับไข่ออกได้มากที่สุดไข่จะฟักออกเป็นตัวอ่อนภายใน 18-36 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 20-30 เซลเซียส เมื่อออกจากไข่ใหม่ๆ ตัวอ่อนจะลอยหงายท้องอยู่และยึดติดกับพืชนํ้าลูกปลาจะเริ่มกิน อาหารในวันที่ 5-7 โดยให้ไข่ชง อายุ 7-10 วัน ให้ไข่แดงต้มสุกละลายนํ้า ช่วงที่ให้ไข่เป็นอาหาร ควรให้ทีละน้อยในบริเวณที่ลูกปลารวมเป็นกลุ่ม อายุ 10-15 วัน จึงให้ไรแดง ลูกปลาแรด จะมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัย เมื่ออายุได้ 4 เดือน

การอนุบาล

บ่ออนุบาลลูกปลาควรมีขนาด 400-800 ตารางเมตร โดยปล่อยในอัตรา 100,000 ตัว/ไร่ ส่วนบ่อซีเมนต์ 5 ตัว/ตารางเมตร ในช่วง 10 วันแรกที่ลงบ่อดินให้ไรแดงเป็นอาหารและ 10 วันต่อมา

ให้ไรแดงและรําผสมปลาป่นอัตราส่วน 1:3 สาดให้ทั่วบ่อ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นอาหารต้มหรือ อาหารเม็ดลอยน้ำวันละประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์ อนุบาลจนกระทั่งลูกปลามีขนาด 3 นิ้วเพื่อนำไปเลี้ยงเป็นปลาขนาดตลาดต้องการต่อไป ลูกปลา 1 เดือนจะมีขนาดยาวประมาณ 1 ซม. เดือนที่จะมีความยาว 2-3 ซม. ซึ่ง จะเป็นขนาดลูกปลาที่จะนำไปเลี้ยงเป็นปลาโตต่อไป

แหล่งพันธุ์ปลาแรด เนื่องจากการเพาะพันธุ์เพื่อจําหน่ายลูกยังมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะรวบรวมลูก ปลาจากธรรมชาติ

การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์
การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ พื้นบ่อมีสภาพเป็นโคลน ให้มีหญ้าและพันธุ์ ไม้น้ำขึ้นหนาเล็กน้อย

การเลี้ยงปลาแรด

สถานที่เ่ลี้ยงปลาแรดที่นิยมมี 2 ลักษณะ คือ
1. การเลี้ยงในบ่อดิน
2. การเลี้ยงในกระชัง

  1. การเลี้ยงปลาแรดในบ่อดิน อัตราการปล่อย 1 ตัว/ตารางเมตร ขนาดบ่อที่ใช้เลี้ยง 1-5 ไร่ จะใช้เวลาเลี้ยง 1 ปี ปลาจะมีน้ําหนัก 1 กก. การเลี้ยงปลาแรดในบ่อ จะปล่อยปลาแรดลงเลี้ยงรวมกับปลากินพืชอื่นๆ ในบ่อที่มีพืชน้ำหรือวัชพืชขึ้น เพื่อให้ปลาแรดกินและเป็นการทําความสะอาดบ่อไปในตัว ปลาแรดชอบกินพืชนํ้า ไข่น้ำ แหน ผักพังพวย ผักบุ้ง เศษอาหารที่เหลือจาก โรงครัว แมลงในนํ้าตัวหนอน ไส้เดือน และปลวกเป็นอาหาร

    การเลี้ยงปลาแรดเพื่อความสวยงาม นิยมเลี้ยงปลาแรดในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ หรือตู้กระจกที่ไม่กว้างนัก เพราะปลาแรดสามารถปรับตัวให้มีชีวิตอยู่ในที่แคบได้ แต่มีอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า นอกจากการเลี้ยงในดินแล้ว ยังนิยมเลี้ยงในกระชัง เช่น ที่แม่นํ้าสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี

  2. การเลี้ยงปลาแรดในกระชัง การเลี้ยงปลาแรดในกระชังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการ เปลี่ยนจากกระชังไม่มาเป็นกระชังเนื้ออวนเหมาะสมกับภาวะปัจจุบันซึ่ง ขาดแคลนไม่ในการสร้างกระชังดังนั้นการเตรียมสถานที่เลี้ยงปลาในกระชังจะต้องสร้าง แพพร้อมทั้งมุงหลังคากันแดด แพที่สร้างใช้ไม้ไผ่มัดรวมกัน และเว้นที่ตรงกลางให้เป็นช่องสี่เหลี่ยมเพื่อนํากระชังตาข่ายไปผูก กระชังตาข่ายกว้าง 3 วา ยาว 6 วา ลึก 1.8 เมตร กระชังขนาดดังกล่าวสามารถเลี้ยงปลาแรดขนาด 3 นิ้ว ได้ 3,000 ตัว

โครงสร้างกระชังที่ใช้เลี้ยงปลา ประกอบด้วย

  1. โครงร่างกระชัง ส่วนมากเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอาจทําด้วยไม้ไผ่ ไม้ท่อเหล็กชุบหรือท่อนํ้า พี.วี.ซี 
  2. ตัวกระชัง เป็นส่วนที่รองรับและกักกันสัตว์น้ำให้อยู่ในพื้นที่จํากัด วัสดุที่ใช้ได้แก่ เนื้อ อวนจําพวกไนลอน โพลีเอทีลิน หรือวัสดุจำพวกไม้ไผ่ ไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง 
  3. ทุ่นลอย เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงให้กระชังสามารถลอยน้ำอยู่ได้ สามารถรับนํ้าหนักของตัวกระชัง สัตว์น้ำที่เลี้ยงและเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาที่ลงไปปฎิบัติงานบนกระชัง สําหรับอายุการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ดังนี้
    – กระชังไม้ไผ่ จะมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี
    – กระชังไม้เนื้อแข็งจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 5 ปี
    – กระชังอวน จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-4 ปี
    บริเวณที่เหมาะสมแก่การวางกระชังนั้น จําเป็นต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่มีสภาพดี น้ำมีคุณสมบัติเหมาะสมในการเลี้ยงปลา ห่างไกลจากแหล่งระบายนํ้าเสีย หรือนํ้าทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งนํ้านั้นไม่ควรมีปัญหาการเกิดโรคปลา
บ่อเลี้ยงปลาแรด
บ่อเลี้ยงปลาแรด เลี้ยงในบ่อดินและมีวัชพืชน้ำเพื่อให้ปลาแรดกิน

ข้อจำกัดของการเลี้ยงปลาในกระชัง

  1. สภาพแวดล้อมในบริเวณที่ตั้ง กระชังต้องเหมาะสม เช่น คุณภาพของน้ำ ต้องดีมีปริมาณ ออกซิเจนพอเพียง กระแสน้ำไหลในอัตราที่พอเหมาะและไม้เกิดปัญหาโรคปลาตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงสถานที่ตึงกระชังควรตั้งอยู่ในบริเวณที่กำบังลง หรือคลื่นแรง ในกรณีที่เกิดพายุหรือนํ้าท่วมโดยเฉียบพลัน
  2. ปลาที่ปล่อยเลี้ยงควรมีขนาดใหญ่กว่าตา หรือช่องกระชัง หากปลามีขนาดเล็ก หรือเท่ากับขนาดของช่องกระชัง ปลาจะลอดหนีจากกระชังไปหรือถ้าไม่ลอดก็จะเข้าไป ติดตายอยู่ในระหว่างช่องกระชังได้
  3. ปลาที่เลี้ยงควรมีลักษณะรวมกินอาหารพร้อมๆ กันในทันทีที่ให้อาหาร เพื่อให้ปลากินอาหารให้มากที่สุดก่อนที่อาหารจะถูกกระแสน้ำพัดพาออกไปนอกกระชัง
  4. ในกรณีที่แหล่งน้ำเลี้ยงผิดปกติ เช่น เกิดสารพิษ นํ้ามีปริมาณมากหรือน้อยในทันที อาจจะเกิดปัญหากับปลาที่เลี้ยงยากต่อการแก้ไขหากประสบปัญหาดังกล่าวควรขนย้ายปลาไปเลี้ยงที่อื่น

อัตราการปล่อย

จากการทดลองของสมประสงค์และคณะ (2534) รายงานว่าอัตราการปล่อย 2 ตัว ต่อ ตารางเมตร มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีที่สุดและให้ผลกําไรมาก คือเลี้ยงบ่อ ขนาด 400 ตารางเมตรในช่วงระยะเวลา 8 เดือน จะได้กําไรประมาณ 4,000 บาท ถ้าปล่อยในบ่อขนาด 1 ไร่ อาจจะได้กําไรถึง 15,972.12 บาท ในช่วงเวลาเพียง 8 เดือน เท่านั้น

อาหาร

ปลาแรดเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย กินพืชและสัตว์เป็นอาหาร เมื่อยังมีขนาดเล็กชอบ กินอาหารพวกสัตว์เล็กๆ ได้แก่ แพลงก์ตอน ลูกน้ำปลวก ลูกกบ ลูกเขียด ตัวหนอน ส่วนปลาที่มีขนาดโตเต็มวัยชอบกินอาหารจำพวกผักบุ้ง แหนจอก ผักกระเฉด ใบมันเทศ ส่วนอ่อนของผักตบชวา ใบผักกาด ใบข้าวโพด สาหร่ายและหญ้าอ่อน นอกจากนี้ให้อาหารประเภทรำต้ม ข้าวสุก เศษอาหาร กากมะพร้าวเป็นครั้งคราว ก็ให้ผลการเจริญเติบโตดี ปลาแรดชอบมาก เหมาะสําหรับการขุนพ่อแม่ปลาในช่วงฤดูวางไข่และผสมพันธุ์ ปลาจะให้ไข่บ่อย และมีจํานวนเม็ดไข่มากขึ้นอีกด้วย

อัตราส่วนอาหาร
อัตราส่วนอาหารสำหรับปลากินพืช
การเจริญเติบโต
การเจริญเติบโตของปลาแต่ละช่วงวัย

การป้องกัน

ปลาแรดที่เลี้ยงในบ่อดินมักจะประสบปัญหาตัวปลามีกลิ่นโคลน แต่ถ้าเลี้ยงในกระชังจะไม่มีปัญหาดังกล่าว เนื่องจากน้ำจะถ่ายเทตลอดเวลา สําหรับการแก้ไขกลิ่นเหม็นโคลนในเนื้อ ปลา โดยการเปลี่ยนน้ำพร้อมทั้งควบคุมคุณภาพน้ำและอาหารที่เลี้ยงปลาในช่วงก่อนจับประมาณ 3 วัน

โรคและศัตรู

โรค การเลี้ยงปลาแรดไม่ปรากฎว่ามีโรคระบาดร้ายแรง จะมีบ้างเมื่อลูกปลายังมีขนาดเล็ก คือเชื้อรา

ศัตรู ปลาแรดเป็นปลาที่มีนิสัยเชื่องช้า จึงมักตกเป็นเหยื่อของปลาอื่นที่กินเนื้อเป็นอาหารซึ่ง มีขนาดใหญ่กว่า เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาบู่ ปลากราย ปลากะสง นอกจากนี้มี กบ เขียด เต่าตะพาบนํ้า และนกกินปลา เป็นต้น

การจำหน่าย

ปลาที่มีอายุ 1 ปี จะนํ้าหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ ส่วนปลาที่มีอายุ 3 ปี ควรทําการคัดเลือกปลาที่มีความสมบูรณ์เพื่อเก็บไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์

ปลาแรด
ปลาแรด นํ้าหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ

การลำเลียงขนส่ง

ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาจะขายลูกปลาให้แก่ผู้ซื้อไปเลี้ยงเป็นปลาใหญ่ 2 ขนาด คือ ปลาขนาด 2-3 ซม. ซึ่งใช้เวลาอนุบาล 1 เดือน และปลาขนาด 5-7 ซม. ใช้เวลา อนุบาล 2 เดือน ก่อนการขนสูงจะจับ ลูกปลามาพักไว้ในบ่อซีเมนต์หรือกระชังแล้วพ่นนํ้า เพิ่มออกซิเจน และงดอาหารประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้ลูกปลาเคยจนต่อการอยู่มนที่แคบ และขับถ่ายอาหารที่กินเข้าไปออกให้มากที่สุด การลําเลียงนิยมใช้ถุงพลาสติกขนาด ปริมา20 ลิตร ใส่น้ำ 5 ลิตร บรรจุลกู ปลาขนาด 2-3 ซม. ในอัตรา 500-2,000ตัว/ถุง อัดออกซิเจน หากลูกปลาโตขนาด 5 ถึง 7 ซม. ควรใส่ปี๊บ หรือถังลําเลียงในอัตรา 200-300 ตัว/ปี๊บ (นํ้า 10-15 ลิตร)

ทั้งนี้ ในระหว่างการลําเลียงควรใส่ยาเหลืองในอัตรา 1-3 ส่วนในล้าน หรือ เกลือในอัตรา 0.1-0.2% เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและป้องกันเชื้อราที่จะเกิดขึ้นเมื่อปลาเกิดบาดแผลในระหว่างการเดินทาง ก่อนปล่อยปลาลงในที่ใหม่ ต้องแช่ถุงลําเลียงลูกปลาในนํ้าประมาณ 15 นาทีเพื่อปรับอุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมให้กับลูกปลา

ต้นทุนและผลตอบ

การเลี้ยงปลาแรดให้มีขนาดตลาดต้องการ ใช้ระยะเวลา 1 ปี ปลาจะมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยการลงทุนประมาณ 30 บาท แต่สามารถจําหน่ายได้ 50-80 บาท

เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนกับกําไร โดยลงทุน 12,479 บาท กําไร 4,000 บาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ จะได้กําไร 32 % ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูง

ราคาขายปลาแรด

ราคา ณ วันที่ 16 เมษายน 2565

  • ปลาแรด (ใหญ่สวย) ราคากิโลกรัมละ 80 บาท

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ :
http://www.eto.ku.ac.th
http://hsmi2.psu.ac.th
https://www.simummuangmarket.com
https://www.flickr.com

Add a Comment