มีพื้นที่น้อย จะปลูกกล้วยน้ำว้าอย่างไร ให้มีกินทุกเดือน

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้า (Banana) เป็นไม้ล้มลุก จำพวกพืชผลไม้จำพวกต้น มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ในเชียงใหม่หรือเชียงรายเรียกกล้วยใต้ ส่วนจันทบุรีเรียกกล้วยมะลิอ่อง หรือชัยภูมิเรียกกล้วยอ่อง และในอุบลราชธานีเรียกกล้วยตานีอ่อง เป็นต้น ซึ่งเป็นพันธุ์กล้วยชนิดหนึ่งที่ผสมผสานระหว่างกล้วยป่าและกล้วยตานี ปลูกง่าย รสชาติอร่อย เป็นที่นิยมบริโภคกันมาก มีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ น้ำว้าขาว น้ำว้าแดง และน้ำว้าเหลือง

กล้วยน้ำว้า ผลไม้ไทย ที่มีมาแต่รู้โบราณ คนไทยรู้จักกล้วยน้ำว้าดีพอๆ กับ กล้วยไข่หรือกล้วยหอม ยิ่งถ้าเป็นคุณค่าสารอาหารที่ได้รับแล้ว มากประโยชน์ถึงขั้นที่เรียกว่าต้องรีบไปหามากินกันเลยทีเดียว

ต้นกล้วยน้ำว้า
ต้นกล้วยน้ำว้า กาบเรียงเวียนซ้อนกันเป็นลำต้นเทียม สีเขียวอ่อน

กล้วยน้ำว้าที่เริ่มสุกไปจนถึงสุกจะมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง เป็นตัวช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น ทำอาหาร ทำยารักษาโรคได้ กล้วยน้ำหว้าถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีทั้งประโยชน์และสรรพคุณมากมาย กล้วยน้ำว้าสามารถที่จะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามสีของเนื้อ คือ น้ำว้าแดง น้ำว้าขาว และน้ำว้าเหลือง วันนี้เรามีวิธีการปลูกกล้วยน้ำว้าให้มีกินทุกเดือนและให้ออกลูกตลอดทั้งปี มาฝากกันค่ะ มีวิธีการปลูกอย่างไร ไปดูกันค่ะ

เทคนิคการปลูกกล้วยน้ำว้า ให้มีกินทุกเดือน

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่บริเวณบ้านน้อย หรือมีพื้นที่จำกัด เช่น บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ เป็นต้น

วิธีการปลูกกล้วยน้ำว้า

  1. เลือกต้นพันธุ์ที่จะใช้ในการปลูก โดยคัดเลือกหน่อกล้วยที่สมบรูณ์
  2. ขุดหลุม กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร
  3. นำปุ๋ยคอกประมาณ 5 กิโลกรัม มาผสมกับดิน  และปุ๋ยร็อคฟอสเฟส จำนวน 50 กรัม ทำการผสมเข้าด้วยกันใน แล้วใส่ในหลุมให้สูง ประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
  4. จากนั้นนำลงดินกลบให้แน่น แล้วจึงปลูกต้นกล้วยและกลบบริเวณโคนต้นให้แน่น ทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดิน 
  5. ปลูกเสร็จให้น้ำตามทันทีให้ชุ่มชื้นพอเพียง ไม่เช่นนั้นต้นจะเหี่ยวเฉา ใบแห้งและยุบตัว บางต้นตาย บางต้นแตกต้นใหม่ขึ้นแทนทำให้อายุต้นไม่สม่ำเสมอกัน
  6. ในระยะเดือนแรกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และดินต้องชุ่มชื้นเพียงพอ เป็นเดือนที่ต้องเอาใจใส่อย่างมาก หากเป็นการให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกลอร์ จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็ว สามารถสร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดี โอกาสรอดสูงกว่าการลากสายยางรดน้ำ และเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กรัม ต่อต้น หลังปลูกได้ 1 เดือน และเดือนที่ 2 ส่วนเดือนที่ 3 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน

**วิธีนี้จะต้องทำการปลูกโดยเว้นระยะห่างกัน 1 เดือน โดยทำการปลูกแบบนี้เพิ่มอีก 2 กอ/ต้น หรือรวมกันทั้งหมด ในช่วง 3 เดือน 3 กอ/ต้น และหลังจากนั้น แต่ละกอ/ต้น ก็จะมีหน่อใหม่งอกขึ้นมาอีกเรื่อยๆ **

เทคนิคอีกอย่างคือ ถ้าหันรอยแผลของหน่อกล้วยไปทางฝั่งไหน ผลกล้วยจะออกทางนั้นเช่นกัน ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้กล้วยออกฝั่งไหนค่ะ

หน่อกล้วยน้ำว้า
หน่อกล้วยน้ำว้า หน่ออ่อนของกล้วย สำหรับการนำไปปลูก
ปลูกกล้วยกล้วยน้ำว้า
ปลูกกล้วยกล้วยน้ำว้า นำต้นกล้วยใส่ลงในหลุม กลบดิน รดน้ำพอชุ่ม

เทคนิคการปลูกกล้วยน้ำว้าให้ออกลูกได้ตลอดปี

กล้วยน้ำว้าทั้งเครือ
กล้วยน้ำว้าทั้งเครือ มีจำนวน 8-10 หวี หวีหนึ่งมี 10-16 ผล
  1. ทำการเลือกต้นพันธุ์โดยในที่นี้ขอเสนอให้เลือกต้นพันธุ์จากการเพาะเนื้อเยื่อ จะทำให้กล้วยปลอดโรค และออกลูกได้พร้อมกัน
  2. ทำการเตรียมดิน โดยการไถดะด้วยผานสามตากดินประมาณหนึ่งเดือน และไถแปรด้วยผานห้าอีกทีตากดินทิ้งไว้ประมาณหนึ่งเดือน
  3. กำหนดระยะและขนาดหลุมปลูก โดยระยะที่เหมาะสมคือ 4×4 เมตร และควรขุดหลุม 50x50x50 เซ็นติเมตร เพราะรัศมีของรากกล้วยจะหากินไม่เกิน 50 เซ็นติเมตร การขุดหลุมขนาดนี้จะทำให้รากกล้วยหากินได้ไกลขึ้น และความลึกของหลุมจะแก้ปัญหาการขึ้นโคนหรือโคนลอย โดยการปลูกครั้งหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ 4-5 ปีเลยทีเดียว ถ้าขุดหลุมขนาดเล็กและตื้นกว่านี้ จะให้ผลผลิตแค่ปีสองปีก็ต้องรื้อปลูกใหม่แล้ว
  4. ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกผสมดินประมาณหลุมละ 2 กิโลกรัม รองหนาขึ้นมาประมาณ 30 เซ็นติเมตร แล้วจึงปลูกต้นกล้วยและกลบบริเวณโคนต้นให้แน่น ทำแอ่งดินรอบต้นเพื่อเก็บน้ำรักษาความชื้นของดิน และควรรองก้นหลุมด้วยฟูราดานป้องกันหนอนกอกล้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อหลุม
  5. ปลูกเสร็จให้น้ำตามทันทีให้ชุ่มชื้นพอเพียง ไม่เช่นนั้นต้นจะเหี่ยวเฉา ใบแห้งและยุบตัว บางต้นตาย บางต้นแตกต้นใหม่ขึ้นแทนทำให้อายุต้นไม่สม่ำเสมอกัน
  6. ในระยะเดือนแรกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และดินต้องชุ่มชื้นเพียงพอ เป็นเดือนที่ต้องเอาใจใส่อย่างมาก หากเป็นการให้น้ำแบบฝอยหรือมินิสปริงเกลอร์ จะทำให้ต้นตั้งตัวได้เร็ว สามารถสร้างใบและลำต้นใหม่ได้ดี โอกาสรอดสูงกว่าการลากสายยางรดน้ำ และเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กรัม ต่อต้น หลังปลูกได้ 1 เดือน และเดือนที่ 2 ส่วนเดือนที่ 3 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน
  7. เดือนที่ 2 และ 3 ต้นกล้วยจะมีต้นและใบใหม่ทั้งหมด ปัญหาคือหญ้าขึ้นคลุมต้น ต้องถากหญ้าบริเวณโคนต้นออกให้หมด
  8. เดือนที่ 4 การเจริญเติบโตเร็วมาก ทั้งความสูงและรอบวงต้นใกล้เคียงปลูกจากหน่อพันธุ์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดต้นปลูกเริ่มแรก ถ้าสูง 15 เซนติเมตร ขึ้นไป จะโตทันกัน ถือว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ต้นรอดตายทั้งหมด การดูแลทำเช่นเดียวกับการปลูกด้วยหน่อ โดยให้ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 100-150 กรัม ต่อต้นในเดือนที่ 4 และ 5 ส่วนเดือนที่ 6 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทนและงดใส่ปุ๋ยจนกว่าจะแทงปลี ถึงจะใส่ปุ๋ยเคมีอีกครั้ง จนกระทั่งหลังเก็บเกี่ยวถึงจะเริ่มให้ปุ๋ยในรอบใหม่
  9. ในช่วง 1-6 เดือนหลังปลูกให้ปาดหน่อที่โผล่ออกมาทิ้งไปพอหลังจากอายุ 6 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 1 พอหน่อที่ 1 อายุ 3 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 2 หลังจากนั้นทุกๆ 3 เดือน ให้ไว้หน่อที่ 3 และ 4, 5 ตาม โดยหน่อที่ขึ้นมาในช่วงที่ไม่ได้กำหนดให้ปาดทิ้งทั้งหมด ปรากฏว่า เมื่อจะไว้หน่อที่ 5 ต้นแม่ก็สามารถเก็บเกี่ยวเครือกล้วยได้แล้ว ฉะนั้นจะกลายว่ากอนั้นมีต้นกล้วย 4 ต้น ที่อายุห่างกัน 3 เดือน โดยมีหน่อที่ 1 ที่อายุห่าง 6 เดือน ดังนั้น เมื่อใช้ระบบนี้ต่อไปหลายๆ ปีจะทำให้กล้วยน้ำว้าในแปลงมีอายุห่าง 3 เดือน” “สาเหตุที่ไว้หน่อทุก 3 เดือน มีเหตุผลว่า ด้วยการออกผลผลิตของกล้วยน้ำว้าในแปลงนั้นจะออกไม่พร้อมกัน ถึงแม้ไว้ใกล้เคียงกัน จะมีการกระจายตัวในการเก็บเกี่ยวประมาณ 3 เดือน โดยจากข้อมูลที่ศึกษาจากการปลูกกล้วยน้ำว้าด้วยหน่อพบว่า จะมีช่วงแรกที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ ช่วงกลางๆ จะเก็บได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และช่วงปลายเก็บได้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ “ทีนี้ถ้าค่อยๆ ปลูกหรือไว้หน่อไป กล้วยที่ออกผลในช่วงปลาย 25 เปอร์เซ็นต์ จะไปรวมกับ 25 เปอร์เซ็นต์ของช่วงแรกในอีกแปลงหนึ่ง จะทำให้ได้ผลผลิตรวมเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทั้งปีด้วยวิธีการนี้ ทำให้สามารถมีผลผลิตกล้วยน้ำว้าจำหน่ายให้กับพ่อค้าได้ตลอดทั้งปีและสามารถต่อรองราคากับพ่อค้าได้ โดยไม่ต้องถูกกดราคาเพราะจำเป็นต้องตัดขายทั้งแปลง”
  10. เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 9 กล้วยจะเริ่มแทงปลี การแทงปลีหรือตกเครือจะเร็วหรือช้ากว่าหน่อพันธุ์ ขึ้นอยู่กับขนาดลำต้นปลูกเริ่มแรกและการดูแลรักษา หากต้นพันธุ์ที่มีขนาดความสูง 15 เซนติเมตรขึ้นไป หรือมีเส้นรอบวงต้นมากกว่า 4 เซนติเมตร การตกเครือใกล้เคียงกับหน่อพันธุ์ ขนาด 1 เมตร หากต้นมีขนาดใหญ่กว่านี้ การตกเครือจะเร็วกว่าหน่อพันธุ์ และหากเล็กกว่านี้การตกเครือจะช้ากว่าหน่อพันธุ์ อายุเครือกล้วยจากการแทงปลีจนกระทั่งเก็บเกี่ยวมีอายุประมาณ 4 เดือน เท่ากับหน่อพันธุ์กล้วยน้ำว้าทั่วไป
สวนกล้วยน้ำว้า
การปลูกกล้วย ควรเว้นระยะให้เหมาะสาม คือ 4×4 เมตร
ผลกล้วยน้ำว้าดิบ
ผลกล้วยน้ำว้าดิบ ผลรูปรี ผิวเรียบ เปลือกผลสีเขียว
ผลกล้วยน้ำว้าสุก
ผลกล้วยน้ำว้าสุก ผลสีเหลือง เนื้อในสีขาว

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ เทคนิคการปลูกกล้วยน้ำว้าให้มีกินทุกเดือน และเทคนิคการปลูกกล้วยให้ออกลูกตลอดทั้งปี ที่เกษตรตำบลเอามาฝากกันในวันนี้  สามารถติดตามความรู้เเกี่ยวกับเรื่องกล้วย การปลูกกล้วย พันธุ์กล้วย การแปรรูปกล้วย เพิ่มเติมได้ที่ เกษตรตำบล.คอม

แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ : เกษตรออร์แกนิคดอทคอม

ภาพประกอบ : www.flickr.com, www.vijjaram.ac.th, ร้านนานาการ์เด้นท์, www.youtube.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย :  เกษตรตำบล.คอม

2 Comments

Add a Comment